“โอมิครอน” เติบโตได้ดีในทางเดินหายใจ ไม่ใช่ “ปอด”

“โอมิครอน” เติบโตได้ดีในทางเดินหายใจ ไม่ใช่ “ปอด”

นักวิจัย เร่งถอดรหัสความแตกต่างระหว่างโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและสายพันธุ์อื่นๆ จะช่วยเข้าใจกระบวนการ และอัตราความเร็วในการแพร่เชื้อไวรัส คาดการณ์ผลกระทบเกิดจากโอมิครอน ในภูมิภาคต่างๆ

บทสรุปผลการศึกษาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม เมื่อเปรียบเทียบกับเดลตาเป็นสายพันธุ์ที่พบก่อนหน้านี้ พบว่า โอมิครอนสามารถแพร่พันธุ์ได้เร็วกว่า 70% ในเนื้อเยื้อของทางเดินหายใจ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แพร่กระจายจากคนสู่คนง่ายขึ้น แต่โอมิครอนแพร่พันธุ์ในปอดได้ช้ากว่าสายพันธุ์ดังเดิมถึง 10 เท่า อาจทำให้นำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรงได้น้อยกว่า

การค้นพบดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อตีพิมพ์ และยังไม่เคยเผยแพร่ "ดร.ไมเคิล เฉิน จื้อเวย" หัวหน้าทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า การติดเชื้อไวรัสซ้ำ อาจทำให้เกิดโรคร้ายแรง และเสียชีวิตได้ แม้ว่าความรุนแรงของไวรัสจะน้อยลง ดังนั้นเมื่อพิจารณาประกอบกับผลการศึกษาล่าสุดของเรา พบว่า โอมิครอนสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิด ซึ่งภัยคุกคามของโอมิครอนมีนัยสำคัญมาก

โอมิครอน” ทนทานต่อแอนติบอดีบางชนิด

ดร.เฉิน จื้อเวย เปิดเผยว่า แบบจำลองโครงสร้างสายพันธุ์โอมิครอนที่ศึกษาไปพร้อมกับเซลล์และแอนติบอดี ทำให้มีความเข้าใจกระจ่างขึ้นในเรื่องพฤติกรรมการแพร่พันธุ์ของโอมิครอน ซึ่งจะช่วยออกแบบแอนติบอดีให้มีความเป็นกลาง เพื่อสามารถใช้ต้านไวรัสชนิดนี้ได้

"โจเซฟ รูบิน" จากมหาวิทยาลัยในนิวเจอร์ซีย์ กล่าวด้วยว่า ทีมวิจัยยังได้จำลองการขัดขวางด้วยแอนติบอดีประเภทต่าง ๆ ที่พยายามโจมตีไวรัสโอมิครอน โดยให้แอนติบอดีโจมตีจากมุมต่างๆ "เปรียบเหมือนทีมฟุตบอลพยายามสกัดลูกบอล" โดยมีคนหนึ่งคว้าลูกบอลได้จากด้านหลัง และอีกคนก็มาดักจากด้านหน้า จะเห็นว่า แอนติบอดีบางตัว “ดูเหมือนทำให้โอมิครอนจะหลุดออกมาได้” ขณะที่แอนติบอดีบางชนิดยังคงมีประสิทธิภาพ 

รูบิน กล่าวยืนยันว่า วัคซีนบูสเตอร์ช่วยเพิ่มระดับแอนติบอดี ส่งผลให้มี “ผู้พิทักษ์มากขึ้น” ซึ่งอาจชดเชยได้บ้างในระดับหนึ่งสำหรับ “การจับแอนติบอดีที่อ่อนแอกว่า”

 4 ใน 10 คนที่ติดโอมิครอน อาจแพร่ไวรัสโดยไม่รู้ตัว

ในวารสารของ JAMA Network เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (14 ธ.ค.) ระบุว่า ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ อาจมีส่วนสำคัญในการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอของโควิด-19 โดยปัจจุบัน การติดเชื้อของผู้ที่ไม่มีอาการอยู่ที่ประมาณ 46 % ในอเมริกาเหนือ 44% ในยุโรป และ 28% ในเอเชีย

นักวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาก่อนหน้านี้ 77 รายการ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย 19,884 รายที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดยพวกเขาพบว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อในชุมชนทั่วไป ประมาณ 40% นั้นไม่มีอาการ เช่นเดียวกับ สตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อ 54% ผู้โดยสารที่ติดเชื้อหรือเดินทางโดยเรือ 53% ผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าหน้าที่ในบ้านพักคนชราที่ติดเชื้อ 48% และ 30% ของบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อหรือผู้ป่วยในโรงพยาบาล

หมิน หลิว และทีมวิจัยมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน ระบุว่า “เปอร์เซ็นต์ที่สูงของการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงในการแพร่เชื้อของการติดเชื้อที่ไม่มีอาการในชุมชน” เจ้าหน้าที่ควรคัดกรองการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ และผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ “ควรอยู่ภายใต้ดูแลที่คล้ายกับผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้ว รวมถึงการแยกตัวและติดตามผู้สัมผัส”