ซีอีโอไบออนเทคมั่นใจวัคซีนโควิดปราบโอมิครอนได้

ซีอีโอไบออนเทคมั่นใจวัคซีนโควิดปราบโอมิครอนได้

"อูเกอร์ ซาฮิน" ซีอีโอไบออนเทค บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติเยอรมนี ให้สัมภาษณ์อัลจาซีราห์ แสดงความมั่นใจว่าแม้โรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะแพร่ระบาดง่ายกว่าเชื้อโควิดชนิดกลายพันธุ์อื่นแต่วัคซีนที่มีอยู่ยังสามารถป้องกันการเกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้

ซาฮิน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไบออนเทค ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ร่วมกับไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำจากสหรัฐ กล่าวว่า แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่าโอมิครอนสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นโดยวัคซีนได้ดีกว่าโควิดสายพันธุ์เดลตา เนื่องจากมีตำแหน่งกลายพันธุ์ที่มากกว่า แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ โอมิครอนจะสามารถหมุนเวียนการตอบสนองภูมิคุ้มกันของ T-cell ของร่างกายต่อการติดเชื้อได้

ที่ผ่านมา ไบออนเทคคาดการณ์ว่า จะต้องใช้เวลามากกว่า 100 วันในการพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่เพื่อให้สามารถต้านทานโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และผลิตวัคซีนออกสู่ท้องตลาด

แต่ซาฮิน บอกว่าอาจไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น และเป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยกันต่อไป แต่ในเวลานี้ เขาเน้นย้ำให้เร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของบุคคล

คำพูดของซีอีโอบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมนีสอดคล้องกับคำพูดของ“นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ”ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ที่เรียกร้องให้นานาประเทศอย่าตื่นตระหนกหลังมีการค้นพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จนทำให้มีการออกมาตรการป้องกันแบบเหวี่ยงแห ซึ่งเป็นการลงโทษต่อชาติแอฟริกาอย่างไม่เป็นธรรม

ขณะนี้ หลายประเทศทั่วโลกต่างพากันระงับเที่ยวบินจากแอฟริกา ขณะที่อิสราเอลและญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศไม่รับนักเดินทางจากประเทศทั่วโลก เนื่องจากกังวลว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้าประเทศ

“ผมเข้าใจดีถึงความกังวลของทุกประเทศในการปกป้องประชาชนของตนต่อไวรัสกลายพันธุ์ที่เรายังไม่เข้าใจดีนัก แต่ผมก็มีความกังวลเช่นกันว่าหลายประเทศกำลังออกมาตรการแบบเหวี่ยงแหซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน และไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำลายความเท่าเทียมกัน ผมขอขอบคุณบอตสวานาและแอฟริกาใต้ที่ได้ตรวจพบไวรัสดังกล่าว และได้ทำการถอดรหัสพันธุกรรม และทำการรายงานอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็รู้สึกไม่สบายใจที่ประเทศเหล่านี้กลับถูกลงโทษเนื่องจากได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” นายแพทย์ทีโดรส กล่าว

ด้านดร.แองเจลีค โคทซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นคนแรกที่ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีว่า นับจนถึงขณะนี้พบว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนมีอาการป่วยที่ไม่รุนแรง

ดร.โคทซี บอกว่า เธอเริ่มสังเกตอาการของผู้ป่วยเมื่อประมาณวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา และพบว่า ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติที่แทบไม่แตกต่างจากผู้ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

“ดิฉันเริ่มสังเกตอาการของผู้ป่วยชายรายหนึ่งอายุประมาณ 33 ปี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้บอกดิฉันว่า เขามีอาการเหนื่อยมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และมีอาการปวดศีรษะและปวดตามร่างกาย แต่ผู้ป่วยรายนี้กลับไม่ได้เจ็บคอ ไม่มีอาการไอ ทั้งยังไม่ได้สูญเสียการรับรู้กลิ่นและรส ซึ่งเป็นอาการที่พบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ก่อนหน้านี้” ดร.โคทซี กล่าว

มุมมองในเชิงบวกเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจากทั้ง3คนน่าจะช่วยบรรเทากระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับโอมิครอนลงได้บ้าง หลังจาก“สเตฟาน แบนเซล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ เมื่อวันอังคาร(30พ.ย.) โดยคาดว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน”

แบนเซล ยังเตือนว่า บรรดาบริษัทเวชภัณฑ์อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนจึงจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างเพียงพอ

ซีอีโอโมเดอร์นา กล่าวด้วยว่า การที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีการกลายพันธุ์ที่สูงมากในส่วนของโปรตีนหนาม หรือสไปค์โปรตีน (Spike Protein) และการที่ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในแอฟริกาใต้ ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับสูตรวัคซีนในปีหน้า

“ผมคิดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนั้น จะไม่เท่ากับสายพันธุ์เดลตา ผมคิดว่ามันน่าจะลดลงมาก ผมไม่รู้ว่ามากเท่าไร เพราะเราต้องรอข้อมูล แต่จากนักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่ผมได้คุยด้วย เหมือนว่า ‘มันจะไม่ดี’” นายแบนเซล กล่าว