ผู้บริหารอเมซอนไม่ฟันธงโควิดโอไมครอนกระทบใช้จ่ายช็อปปิงปลายปี

ผู้บริหารอเมซอนไม่ฟันธงโควิดโอไมครอนกระทบใช้จ่ายช็อปปิงปลายปี

"เดฟ คลาร์ก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจลูกค้าทั่วโลกของบริษัทอเมซอนเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ได้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีหรือไม่

"ตอนนี้เราเพิ่งอยู่ในช่วงทำความเข้าใจว่าไวรัสชนิดนี้จะส่งผลอะไรตามมา" คลาร์กให้สัมภาษณ์ในรายการเฟซ เดอะ เนชัน ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส

คลาร์กมองในมุมบวกว่า นักวิทยาศาสตร์และบริษัทผู้ผลิตยาจะพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการต้านทานไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้ ขณะที่ประชาชนยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เขากล่าวว่า "แม้ผู้บริโภคจะรอดูว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังทำกิจกรรมในช่วงเทศกาลวันหยุดกันต่อไป"

ทั้งนี้ สหรัฐและประเทศอื่น ๆ ได้บังคับใช้มาตรการควบคุมการเดินทางหลังมีรายงานข่าวการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และเริ่มแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ แล้ว

ขณะที่การช็อปปิงวันแบล็ก ฟรายเดย์ในสหรัฐปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะนอกจากจะมีเรื่องโควิดระบาดแล้ว พฤติกรรมการซื้อของของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะหันไปซื้อของผ่านทางออนไลน์กันหมด

ร้านค้าปลีกทั่วสหรัฐไม่ว่าจะเป็นห้างทาร์เก็ต เมซี่ และ วอลมาร์ท เข้าใจดีว่าลูกค้าหันไปซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น จึงได้จัดพนักงานส่วนใหญ่ให้ไปอยู่ในแผนกขายของออนไลน์และจัดส่งสินค้า

ซึ่งสหพันธ์การค้าปลีกในสหรัฐคาดว่าในปีนี้ ยอดขายสินค้าในช่วงนี้จะเพิ่มสูงขึ้น 8.5% - 10.5% หรือมูลค่าประมาณ 843 ล้าน ถึง 859 ล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคในสหรัฐมีความพร้อมที่จะใช้จ่ายเงินในช่วงเทศกาลวันหยุด เนื่องจากช่วงที่โควิดระบาดหนัก ประชาชนไม่ค่อยได้ใช้จ่ายเงิน จึงมีเงินเหลือเก็บกันมาก และยังได้รับเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่จากรัฐบาล เพียงแต่ว่าแทนที่จะไปต่อคิวรอซื้อของกันกลางอากาศที่หนาวเย็น ก็เปลี่ยนมาซื้อของทางออนไลน์กันแทน