เกาหลีเปิดตัวรง.ใหม่ผลิตรถอีวีให้ฮุนได

เกาหลีเปิดตัวรง.ใหม่ผลิตรถอีวีให้ฮุนได

เป็นครั้งแรกในรอบ23ปี ที่มีการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในเกาหลีใต้ โรงงานแห่งนี้ ดำเนินงานโดย“กวางจู โกลบอล มอเตอร์ส หรือจีจีเอ็ม เป็นบริษัทตั้งใหม่ที่เกิดจากการร่วมมือของทางการเมืองกวางจูในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ที่ได้ทุนสนับสนุนจาก“ฮุนได มอเตอร์”

บริษัทแห่งนี้ เน้นทำสัญญาจ้างผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการดึงดูดอุตสาหกรรมเข้ามาตั้งฐานการผลิตในเมืองกวางจูและสร้างงาน ส่วนฮุนไดก็พยายามมองหาโรงงานที่สามารถรับจ้างผลิตรถยนต์โดยใช้ต้นทุนที่ถูก

โรงงานแห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงเคทีเอ็กซ์จากสถานีกวางจู ซองเจียงประมาณ 15 นาที ถูกโอบล้อมด้วยทิวทัศน์สองข้างทางที่เขียวขจีจากนาข้าว โดยจีจีเอ็มเริ่มผลิตรถยนต์สำเร็จรูปจากโรงงานแห่งนี้ออกจำหน่ายเมื่อเดือนก.ย. โดยโรงงานผลิตที่มีพื้นที่ 455,000 ตารางเมตรแห่งนี้ทำหน้าที่สามอย่างเกี่ยวกับรถยนต์คือ ทำตัวถังรถยนต์ พ่นสีรถ และประกอบรถยนต์

แคสเปอร์ ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกของฮุนได ที่จำหน่ายเฉพาะในออนไลน์ โดยเป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์(เอสยูวี)ขนาดเล็ก มีราคาถูกที่สุดคือ 13.85 ล้านวอน (11,700 ดอลลาร์)เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง อานิสงส์จากราคารถที่คนทั่วไปสามารถเอื้อมถึงและมียอดจองจำนวนกว่า 10,000 คันด้วยกัน ทำให้ฮุนไดมีแผนผลิตรถรุ่นนี้ให้ได้ 12,000 คันภายในปลายปีนี้ และผลิตให้ได้จำนวน 70,000 คันภายในปี2565 

ปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้ผลิตรถยนต์รุ่นเดียวได้ 22 คันต่อหนึ่งชั่วโมง แต่ในอนาคต ฮุนได วางแผนที่จะรับคำสั่งซื้อรถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคันขนาดเล็ก(อีวี)และจะใช้กระบวนการผลิตแบบผสม

ทำให้สามารถผลิตรถได้หลายรุ่นในสายการผลิตเดียว ซึ่งถือเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขยายโรงงานในอนาคตและจีจีเอ็ม มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรถให้ได้มากกว่า 200,000 คันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม จีจีเอ็ม ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวเกาหลีเท่าใดนัก บริษัทนี้ก่อตั้งโดยเมืองกวางจู ซึ่งเป็นผู้ถืิอหุ้นใหญ่สุด ในสัดส่วน 21% ตามมาด้วยฮุนได มอเตอร์ที่ถือหุ้น 19% กวางจู แบงก์ 11%  อินดัสเตรียล แบงก์ ออฟ โคเรีย (ไอบีเค)ซึ่งเป็นของรัฐบาล ถือ 11% และบริษัทอื่นๆ ซึ่งเบื้องต้นบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนจำนวน 230,000 ล้านวอน

บริษัทคยองบู ไลน์ รถไฟสายสีแดงที่เชื่อมกรุงโซลและปูซาน เมืองท่าเรือที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนเชื่อมต่อที่สำคัญสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเกาหลีใต้

ขณะที่กวางจู เป็นเมืองเดียวที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลีจึงเสียเปรียบที่จะทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมของประเทศ 

“ผู้คนจำนวนมากพากันเดินทางไปพื้นที่ในเขตเมืองของกรุงโซลเมื่อต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย เพราะที่นี่มีงานให้ทำน้อยมาก และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วก็ไม่กลับมาที่บ้านเกิดอีกเลย ”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในเมืองกวางจู กล่าว พร้อมเสริมว่า แนวโน้มแบบนี้ทำให้ทางการกวางจูเร่งหาวิธีที่จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเมืองนี้

อายุเฉลี่ยของคนงานที่ทำงานในโรงงานผลิตรถของจีจีเอ็มจำนวน 570 คนคือ 27ปี และ54% ของจำนวนคนงานเหล่านี้มีอายุอยู่ในช่วง 20ปี โดย 93% ของคนงานทั้งหมดมาจากเมืองกวางจู กับเมืองอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะว่าจ้างพนักงานเพิ่ม 200-300 คนภายในปี 2565

ในส่วนของฮุนไดมีส่วนสำคัญต่อการเปิดโรงงานผลิตแห่งนี้ในแง่ของการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและฮุนไดช่วยออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆภายในโรงงานและดูแลเรื่องการส่งพนักงานใหม่เข้ารับการฝึกอบรม อีกทั้ง ภายใต้ข้อตกลงเมื่อก่อตั้งบริษัทหรือโรงงานแล้ว บริษัทอื่นๆที่นอกเหนือจากฮุนได สามารถทำสัญญารับการบริการจากจีจีเอ็มได้

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพแรงงานและฝ่ายบริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลีไม่ค่อยราบรื่นนัก ทุกวันนี้ สหภาพแรงงานหัวรุนแรงที่ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์พยายามเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงเป็นระยะๆ

ล่าสุด ค่าแรงโดยเฉลี่ยของแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลีอยู่ที่ปีละ 88 ล้านวอน เกือบเท่ากับค่าแรงของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์

สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับค่าแรงเฉลี่ยรายปีที่โรงงานผลิตจีจีเอ็ม ที่ก่อตั้งขึ้นโดยไม่มีสหภาพแรงงาน โดยคนงานที่นี่ได้รับค่าเหนื่อยเฉลี่ยปีละ 35 ล้านวอน

โดยรัฐบาลและทางการกวางจูให้การอุดหนุนเรื่องที่พักอาศัยและสวัสดิการต่างๆเพื่อช่วยให้คนงานดำเนินชีวิตแบบมีคุณภาพแต่ค่าแรงที่พวกเขาได้รับยังต่ำกว่าค่าแรงงานโดยเฉลี่ยของพนักงานบริษัททั่วประเทศที่ได้ปีละ 42.34 ล้านวอน