ชาวเน็ตสบช่อง"คนดังฉีดวัคซีนติดโควิด"บิดเบือนข้อมูลประสิทธิภาพ

ชาวเน็ตสบช่อง"คนดังฉีดวัคซีนติดโควิด"บิดเบือนข้อมูลประสิทธิภาพ

ปัญหาการฉีดวัคซีนโควิด-19ในสหรัฐที่มีให้เห็นมาตลอดคือคนดังฉีดวัคซีนครบแล้วยังติดเชื้อ จากนั้นชาวเน็ตก็พาไปกันโพสต์ว่อนโซเชียลมีเดียพร้อมข้ออ้างที่ว่า เห็นมั้ยล่ะ! วัคซีนไม่ได้ผล

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า คนดังสหรัฐมากมายติดโควิดตั้งแต่เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว เบรตต์ คาวานอห์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา และคริส ร็อก ดาวตลก ไปจนถึงโคลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของโควิด กระตุ้นให้เกิดข้อมูลบิดเบือนท่วมโลกออนไลน์

หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐเผยว่า การติดเชื้อแม้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วหรือเบรกทรูเคส มีโอกาสเกิดขึ้นได้ซึ่งไม่ได้หมายความว่าวัคซีนไม่ได้ผล แต่การกล่าวอ้างว่าวัคซีนป้องกันไม่ได้ทำลายความเชื่อมั่นและชะลอความพยายามฉีดวัคซีนของรัฐที่ตอนนี้เน้นกลุ่มวัยรุ่น

อ่านข่าว : ออสเตรเลียบรรลุเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ครบ 80%

“เมื่อใดก็ตามที่เกิดเคสคนฉีดวัคซีนครบแล้วติดโควิด คนที่กังวลมากเรื่องประสิทธิภาพวัคซีนจะมองว่าเป็นอีกเหตุผลหนึ่งตอกย้ำความสงสัยที่มีในใจอยู่แล้ว ปัญหานี้คือการติดอาวุธให้กับข้อสงสัย” แอนดี คาร์วิน บรรณาธิการบริหาร Atlantic Council's Digital Forensic Research Lab เว็บไซต์ศึกษาข่าวสารบิดเบือนบนโลกออนไลน์กล่าว

ซากี ประกาศเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ว่า เธอติดโควิด โชคดีที่ฉีดวัคซีนครบแล้วจึงมีอาการเพียงเล็กน้อย

แต่ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 12,000 คน เรียกซากีเป็น“บทพิสูจน์ที่มีชีวิตว่าวัคซีนไม่ได้ผล” นี่ไม่ใช่แค่รายเดียว ยังมีคนอีกมากที่อ้างแบบนี้บนโซเชียลมีเดีย

เช่นเดียวกับกรณีของ “พาวเวลล์” เมื่อครอบครัวประกาศในเดือนต.ค.ว่าอดีตนายพลสี่ดาวเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของโควิด-19 ผู้คนก็เอาไปลือกันโดยไม่สนว่าคำพูดของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า เพาเวลล์เป็นมะเร็งชนิดที่ทำให้วัคซีนป้องกันได้น้อยลง การติดโควิดของคาวานอห์และร็อคในปีนี้ก็ให้ผลแบบเดียวกัน

เดวอน เกรย์สัน นักวิจัยด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียกล่าวว่า การแก้ปัญหาข้อมูลบิดเบือนจากเบรกทรูเคสมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีคนฉีดวัคซีนมากขึ้น ติดเชื้อมากขึ้นรวมถึงคนที่ป่วยรุนแรง ที่เกิดขึ้นกับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว

“การฉีดวัคซีนเป็นเทคโนโลยีอัศจรรย์แต่ไม่ใช่สนามพลังพิเศษ” เกรย์สันกล่าว ขณะที่ โยทัม โอฟีร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้อมูลบิดเบือนด้านสุขภาพและวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า

นักสื่อสารสุขภาพจำเป็นต้องกำหนดความคาดหวังของสาธารณชนเกี่ยวกับความจริงของวัคซีนให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของประโยชน์และข้อจำกัด

ปัญหาอื่นคือ “มนุษย์มักสนใจเรื่องหวือหวา เราไม่สนใจเรื่องตัวเลขสถิติกันนักหรอก แต่จะคิดถึงเรื่องที่เล่าสนุก สิ่งที่ไม่เป็นข่าวคือคนที่ฉีดวัคซีนแล้วและแข็งแรงดี” โอฟีร์กล่าว

นีนา แจนโควิค ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลเท็จศูนย์วิลสัน กล่าวว่า ข้ออ้างผิดๆ หลังการเสียชีวิตของเพาเวลล์ “น่าผิดหวังอย่างยิ่ง” เนื่องจากสื่อก็ไม่ได้ให้ข้อมูลแตกต่างกันทำให้ข้อมูลเท็จเบ่งบาน

“รายงานข่าวจำนวนมากที่ดิฉันเห็น แม้แต่จากสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุดในประเทศนี้ ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องสถานะมะเร็งของ รมว.เพาเวลล์”

คาร์วินเสริมว่า การให้ข้อมูลบริบทในข่าวอาจขัดแย้งกับความเร็วและกระชับในสภาพแวดล้อมสื่อปัจจุบัน การตัดสินใจรายงานข่าวเบรกทรูเคสรายใด ซึ่งอาจก่อให้เกิดการปั่นกระแสข้อมูลเท็จได้มาก “กำลังกลายเป็นคำถามถึงจรรยาบรรณสื่อ โดยทั่วไปผู้สื่อข่าวและสำนักข่าวต้องคิดอย่างสร้างสรรค์ว่าจะรายงานข่าวอย่างไร”

โอฟีร์เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายแก้ไขข้อมูลบิดเบือนด้านสุขภาพ ไม่ใช่เรียกร้องให้บริษัทเอกชนอย่างเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์แก้ปัญหาเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ