ลุ้นญี่ปุ่นคลายกฎเดินทางออกวีซ่าธุรกิจระยะยาว

ลุ้นญี่ปุ่นคลายกฎเดินทางออกวีซ่าธุรกิจระยะยาว

ลุ้นญี่ปุ่นคลายกฎเดินทางออกวีซ่าธุรกิจระยะยาว ครอบคลุมถึงการลดระยะเวลาในการกักตัวบรรดานักเดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ครบโดสแล้วให้สั้นลง

รัฐบาลญี่ปุ่นเดินหน้าคลายกฎข้อบังคับด้านการเดินทางต่อเนื่อง หลังจากประเทศอื่นๆมีอัตราฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ล่าสุด เตรียมออกวีซ่าเพื่อเดินการทางทำธุรกิจแก่ชาวต่างชาติ 3 กลุ่มคือกลุ่มเข้ามาทำธุรกิจ กลุ่มที่เข้ามาศึกษา และฝึกอบรมทางเทคนิค คาดเริ่มใช้อย่างเป็นทางการต้นสัปดาห์หน้า ขณะตัวแทนภาคธุรกิจชั้นนำของประเทศขานรับทันที มั่นใจช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้มาก

การเคลื่อนไหวในเรื่องวีซ่านักเดินทางเพื่อทำธุรกิจของญี่ปุ่นเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการผ่อนคลายข้อบังคับด้านการเดินทาง ที่ครอบคลุมถึงการลดระยะเวลาในการกักตัวบรรดานักเดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ครบโดสแล้วให้สั้นลง  ซึ่งคาดว่าทางการญี่ปุ่นจะประกาศมาตรการต่างๆในสัปดาห์นี้และเริ่มให้มีผลบังคับใช้เร็วที่สุดต้นสัปดาห์หน้า   

การที่จะมีคุณสมบัติเข้ารับการกักตัวในระยะเวลาที่สั้นลงคือเหลือแค่ 3 วันจาก 10 วันในตอนนี้ บรรดานักเดินทางต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งได้แก่วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ บริษัทโมเดอร์นา และวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า

ส่วนนักเดินทางจำนวนมากในอาเซียนที่รับการฉีดวัคซีนของจีนและชาวอเมริกัน 15 ล้านคนที่รับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) ต้องถูกกักตัวนาน 14 วัน 

การที่รัฐบาลญี่ปุ่นเน้นผ่อนคลายกฏด้านการเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนให้บรรยากาศการทำธุรกิจและกิจกรรมต่างๆทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคักเหมือนก่อนช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด

วีซ่าเพื่อทำธุรกิจระยะยาวที่ญี่ปุ่นออกให้ ส่วนใหญ่เป็นการออกให้แก่นักเดินทางที่มีอาชีพทางการแพทย์และผู้บริหารในแวดวงธุรกิจ  โดยรัฐบาลและพรรครัฐบาลผสมของญี่ปุ่นจะหารือกันต่อไปว่านักเดินทางอาชีพใดบ้างที่จะได้รับวีซ่านี้    

บริษัทและองค์กรต่างๆที่รับชาวต่างชาติเหล่านี้เข้าประเทศจะต้องติดตามกิจกรรมของชาวต่างชาติอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ การลดวันกักตัวจะถูกนำไปใช้กับชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางกลับจากการไปทำธุรกิจในต่างประเทศด้วย

ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานว่า มาตรการผ่อนคลายนี้อาจมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์หน้า (8พ.ย.)เป็นต้นไป ขณะที่จำนวนผู้เดินทางเข้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจาก 3,500 คน เป็น 5,000 คน ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา

การเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มีขึ้นในช่วงที่การฝึกงานด้านเทคนิคกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในธุรกิจด้านการเกษตรและการดูแลผู้สูงวัย ที่ทำให้รัฐบาลผ่อนคลายข้อบังคับด้านการเดินทาง ซึ่งการฝึกงานด้านเทคนิคและนักเรียนต่างประเทศมีสัดส่วนประมาณ 70% ของบุคคลากร 370,000 คนที่ไม่สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้แม้จะมีใบรับรองล่วงหน้าเพื่อเข้าพำนักในญี่ปุ่นจนถึงวันที่1 ต.ค.

ทั้งนี้ ญี่ปุ่น ระงับการเดินทางเข้าประเทศเมื่อเดือนม.ค. หลังจากโรคโควิด-19 ระบาดหนัก ชาวต่างชาติที่สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้จะต้องได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษเท่านั้น เช่น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าญี่ปุ่น รวมถึงคู่สมรสและบุตรของชาวญี่ปุ่น

การคลายมาตรการเข้มงวดด้านการเดินทางของญี่ปุ่นมีขึ้นในช่วงที่ประเทศอื่น ๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการกักตัวตั้งแต่เดือนต.ค. อย่าง สหราชอาณาจักร ที่ยกเว้นให้ผู้ที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส ไม่ต้องตรวจโควิดก่อนการเดินทางและไม่ต้องกักตัว 10 วันก่อนเข้าประเทศ 

ด้านฝรั่งเศสและอิตาลียกเว้นให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์หรือวัคซีนอื่น ๆ ไม่ต้องกักตัวก่อนเข้าประเทศ

ส่วนอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างประเทศไทย และออสเตรเลียก็ผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องการเดินทางเข้าประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน เมื่อวันจันทร์(1 พ.ย.)ที่ผ่านมา

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19ในญี่ปุ่นก็ลดลงมาก เนื่องจากทางการญี่ปุ่นเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนซึ่งตอนนี้มีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนเกินกว่า 70% ของประชากรทั้งประเทศแล้ว  ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียวก็ลดเหลือ 9 ราย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ลดลงจากวันละกว่า 5,000 ราย ในช่วงการระบาดหนักเดือนส.ค.

ไคดันเรน องค์กรล็อบบี้ขนาดใหญ่ และกลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศในญี่ปุ่น ที่พยายามล็อบบี้ให้รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องการเดินทางให้เป็นเหมือนประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป(อียู) ที่อนุญาตให้นักเดินทางเข้าประเทศได้หากผู้เดินทางมีหลักฐานยืนยันว่าฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว

เช่นเดียวกับ ตัวแทนจากฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จากวาตามิ ซึ่งบริหารจัดการธุรกิจผับในญี่ปุ่น กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารที่พึ่งพาพนักงานพาร์ทไทม์ต่างชาติยินดีที่ทางการผ่อนคลายกฎการเดินทางและมีความเห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาคึกคักเป็นปกติอีกครั้ง