"สเตฟาน นูสส์" เปิดอาณาจักร "ชไนเดอร์ อิเล็คทริค" สู่เน็กซ์เจเนอเรชั่น

"สเตฟาน นูสส์" เปิดอาณาจักร  "ชไนเดอร์ อิเล็คทริค" สู่เน็กซ์เจเนอเรชั่น

ถอดรหัสความสำเร็จ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” ผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านบริหารจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่นสัญชาติฝรั่งเศส ภายใต้กลยุทธ์และแนวคิดการบริหารที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ให้สามารถก้าวผ่านทุกยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม

มาถึงวันนี้เรื่องราว "ชไนเดอร์ อิเล็คทริค" ถูกบันทึกจากคนหลากหลายเจเนอเรชั่น ที่มีส่วนเปลี่ยนแปลงบริษัท และโลกมาเกือบสองศตวรรษ ภายใต้สโลแกนที่ว่า โลกให้พลังสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้มั่นใจว่า “Life is on”

เหตุผลอะไรที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ถึงประสบความสำเร็จระดับโลก แม้ในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับผู้คนทั่วโลก ต้องมาฟัง "สเตฟาน นูสส์" ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เล่ามุมมองแนวคิดการบริหารของบริษัทที่ได้หล่อหลอมคนในองค์กรให้มีความคิดทันสมัย และรับสถานการณ์ปัจจุบัน

สเตฟาน สะท้อนมุมมองการบริหารแบบคนรุ่นใหม่ในองค์กรที่มีอายุกว่า 180 ปี โดยเล่าว่า กุญแจความสำเร็จที่ผลักดันให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นบริษัทด้านพลังงานชั้นนำระดับโลก มาจากหลักการสำคัญๆใน 3 มิติที่ต้องทำงานสอดประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ได้แก่ มิติแรกกลยุทธ์ทางธุรกิจ มิติที่สองบุคคลในองค์กร และมิติที่สามโมเดลบริษัท

ในเวลานี้ที่โลกต้องต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แล้วอะไรที่ชไนเดอร์สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ แน่นอนเรามี “เทคโนโลยีโซลูชั่น” ที่เข้าไปจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

‘ชไนเดอร์’ องค์กรสำหรับเน็กซ์เจเนอเรชั่น

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เชื่อมั่นในอัตราเร่งสู่การเปลี่ยนแปลงดิจิทัล และเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานและระบบอุตสาหกรรมที่สะอาดกว่า โดยปราศจากคาร์บอน ซึ่งการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เพิ่มแนวโน้มให้สังคมก้าวไปสู่อิเล็คทริคซิตี้ 4.0 ควบคู่กับอินดัสเทรียล 4.0 นั่นหมายถึงการเร่งปฏิกิริยาที่ทรงพลัง เพื่อลดคาร์บอนในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของเรา

"ทุกวันนี้ เราเห็นการใช้ไฟฟ้าเร็วเพิ่มขึ้น 18% ต่อปี แต่ข่าวดีคือ เรามีพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลก ซึ่งแนวโน้มอันใกล้นี้ จะได้เห็นการปฏิวัติโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ ผมคิดว่า วิกฤติโควิดได้เร่งความต้องการพลังงานสีเขียว การใช้ไฟฟ้าสะอาด และระบบจัดการดิจิทัล นี่คือสิ่งที่ชไนเดอร์ทำอยู่" 

‘เทคโนฯ - โซลูชั่น’ สร้างความยั่งยืน

สเตฟาน กล่าวว่า สิ่งที่ชไนเดอร์ทำอยู่ขณะนี้คือ การใช้ดิจิทัลเข้ามาจัดการระบบพลังงานอย่างชาญฉลาด เสริมสร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้สมาร์ทแอพพลิเคชั่นเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และมีการคำนวนหวังลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง และมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะโลกของเราต้องการความยั่งยืนแท้จริง

จุดเริ่มต้น ‘วัฒนธรรมปราศจากอคติ’

สิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนชไนเดอร์ได้ก้าวไปข้างหน้าคือ “บุคคลในองค์กร” เป็นแรงสนับสนุนในทุกด้าน และชไนเดอร์ก็เชื่อมั่นไว้วางใจ นั่นหมายความว่า เราให้อำนาจตัดสินใจกับพนักงานทุกคนตามบทบาทหน้าที่ เพื่อริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เปิดรับความเสี่ยงจากการได้ลงมือทำ แม้ว่าสิ่งนั่นจะผิดหรือถูกก็ตาม ผมคิดว่า คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับและพวกเขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง

สเตฟาน บอกว่า ชไนเดอร์เปิดกว้างกับความหลากหลายทางเพศ (แอลจีบีทีไอ) หรือชายหญิง ในแง่ของอายุ ไม่ว่า คนหนุ่มสาว หรือสูงวัย ก็เชื่อว่าสามารถทำงานอย่างผสมผสาน เติมเต็มกันได้ พร้อมยอมรับความแตกต่าง บนพื้นฐานที่เชื่อมั่นในศักยภาพของพวกเขา ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ นำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งที่ดียิ่งขึ้น เหมือนทุกวันนี้

“ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของชไนเดอร์คือ การมอบโอกาสอย่างเท่าเทียมให้กับทุกคน และต้องการให้พนักงานของเรา ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร หรืออยู่ที่ไหนในโลก ขอให้รู้คุณค่าในตัวเอง ชไนเดอร์พร้อมจะเปิดโอกาสให้ครีเอทผลงาน และลงมือทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่” 

 

สำหรับชไนเดอร์ ความหลากหลายของผู้คน และสภาพแวดล้อม เป็นความท้าทายสำหรับเรา แต่ในท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมโดยปราศจากอคติ 

สเตฟาน เผยเป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมุ่งการเป็นที่หนึ่งของโลก ด้านประหยัดพลังงาน และเป็นองค์กรที่มีระบบจัดการที่ยั่งยืน ล่าสุด Corporate Knights บริษัทด้านสื่อและการวิจัย ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพด้านความยั่งยืน ได้ยกย่องชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นบริษัทอันดับหนึ่งจากองค์กร 100 แห่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2564 ถือเป็นรางวัลเกียรติยศ เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนถึงความสำเร็จในการใช้ “เทคโนโลยีเพื่อฝ่าวิกฤติ” เดิมอยู่อันดับที่ 29 ในปี 2563 กระโดดข้ามมาเบอร์หนึ่งในเวลาเพียง 1ปี

สิ่งสำคัญของการก้าวเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกคือ ต้องสร้างเครือข่ายพันธมิตร และเชื่อมโยงความร่วมมือในทุกระดับ ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ระดับบุคคลทั่วไป ได้เข้ามามีส่วนร่วม และใช้เทคโนโลยีของเราได้อย่างเต็มที่

ผนึกสร้าง ‘พันธมิตร’ สู่ความยั่งยืน

ยกตัวอย่าง ปัจจุบันได้สนับสนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เดินหน้าปฏิรูประบบจ่ายพลังงานสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วย EcoStruxure ADMSTM ของชไนเดอร์ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสู่สมาร์ทกริดของประเทศภายในปี 65 นอกจากนี้ ยังมีโรงงานหลายแห่งในโครงการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้นำระบบออโตเมชั่น-เอไอสำหรับอุตสาหกรรมของชไนเดอร์ เพื่อใช้ลดต้นทุนการผลิต และรับความท้าทายด้านการใช้พลังงานในอนาคต 

สเตฟาน กล่าวย้ำในตอนท้าย ชไนเดอร์ตระหนักเสมอว่า จะต้องควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้ร้อนเพิ่มขึ้นอีก 1.5องศา ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤติทางธรรมชาติตามมา นี่เป็นเหตุผลต้องหาซูโลชั่นและเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อส่งต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไป