โควิด-19 ต่างแดนไม่น่าไว้ใจจีนระบาดในท้องถิ่นอีก

โควิด-19 ต่างแดนไม่น่าไว้ใจจีนระบาดในท้องถิ่นอีก

สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศยังไม่น่าไว้วางใจ จีนพบการระบาดในท้องถิ่นเชื่อมโยงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศ จนต้องโกลาหลกันอีกรอบ เช่นเดียวกับการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในสิงคโปร์ทำให้รัฐบาลต้องขยายมาตรการควบคุมออกไปอีก

การติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่นของจีนยังน่าเป็นห่วง เมื่อรัฐบาลปักกิ่งใช้แนวทางโควิดเป็นศูนย์โดยปิดพรมแดนและล็อกดาวน์พื้นที่เป้าหมาย ขณะที่ประเทศอื่นๆ พยายามผ่อนคลายข้อจำกัดแล้วก็ตาม ล่าสุดเกิดการติดเชื้อในท้องถิ่น 5 วันติดต่อกัน ส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือทางการจึงต้องเร่งมือควบคุมโรค

การติดเชื้อระลอกล่าสุดเชื่อมโยงกับคนชราคู่หนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยว เริ่มต้นเดินทางจากเซี่ยงไฮ้แล้วบินไปเมืองซีอาน ต่อด้วยมณฑลกานซูและมองโกเลียใน ทำให้เกิดการติดเชื้อหลายสิบคน ผู้สัมผัสใกล้ชิดอยู่ในอย่างน้อย 5 มณฑลและเขต รวมทั้งกรุงปักกิ่ง
 

รัฐบาลท้องถิ่นรับมือด้วยการรุกตรวจหาเชื้อจากประชาชนจำนวนมาก ปิดแหล่งท่องเที่ยว โรงเรียน สถานบันเทิงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ล็อกดาวน์อาคารบ้านเรือนเป้าหมาย บางพื้นที่ เช่น เมืองหลั่นโจว ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ประชากรราว 4 ล้านคน แจ้งประชาชนอย่าออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น กรณีที่จำเป็นต้องออกไปจริงๆ ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ

สนามบินในพื้นที่ได้รับผลกระทบยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน สองสนามบินหลักในเมืองซีอานและหลั่นโจวถูกยกเลิกไปราว 60%

เมื่อวันจันทร์ (18 ต.ค.) เมืองเออเหลียนเหาเทอเขตมองโกเลียใน ประกาศห้ามการเดินทางเข้าออกเมือง ประชาชนห้ามออกนอกเคหะสถาน
 

เมื่อวันพุธ (20 ต.ค.) หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สของทางการจีน เตือนว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในมองโกเลียในส่อเค้ากระทบต่อการนำเข้าถ่านหินจากมองโกเลียเนื่องจากซัพพลายเชนสะดุด

วานนี้ (21 ต.ค.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานผู้ติดเชื้อใหม่ในท้องถิ่น 13 คน

ที่สิงคโปร์ เมื่อบ่ายวันพุธ (20 ต.ค.) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,862 คน เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของโควิดอีก 18 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากที่เคยสูงสุดเมื่อวันอังคาร (19 ต.ค.) 3,994 คน ถือเป็นการเพิ่มสูงปกติหลังสุดสัปดาห์ แต่สิงคโปร์ประกาศเมื่อวันพุธขยายมาตรการควบคุมออกไปอีก 4 สัปดาห์โดยควบคุมจำนวนประชาชนที่จะรวมกลุ่มกันและสั่งให้เวิร์กฟรอมโฮมไปจนถึงวันที่ 21 พ.ย.มาตรการวบคุมนี้จะทบทวนทุกสองสัปดาห์

เดิมทีมาตรการเหล่านี้กำหนดใช้ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-24 ต.ค. หน่วยงานสาธารณสุขกล่าวว่าจะทบทวนมาตรการควบคุมอีกครั้งตามสถานการณ์โควิด

ปีนี้สิงคโปร์คุมเข้มแล้วผ่อนปรนมาตรการมาหลายรอบแล้ว ซึ่งรัฐบาลกล่าวเสมอว่าต้องการให้มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขรับมือได้ นอกจากนี้หน่วยงานสาธารณสุขยังเรียกร้องประชาชนควบคุมกิจกรรมเข้าสังคม สัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าและใช้รถสาธารณะมากขึ้น

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุ จำนวนผู้สูงวัยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแล้วติดโควิดกำลังเพิ่มเป็นราว 100 คนต่อวัน คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงและอาจป่วยหนัก

ที่รัสเซีย เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เห็นชอบข้อเสนอของรัฐบาลปิดสถานประกอบการเป็นเวลา 1 สัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 ที่ทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในรอบ 24 ชั่วโมงของวันพุธ การเสียชีวิตอันเกี่ยวเนื่องจากโควิดทั่วรัสเซียสูงถึง 1,028 คน ติดเชื้อรายใหม่ 34,073 คน

การประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า ระหว่างวันที่ 30 ต.ค.-7 พ.ย.ซึ่งเป็นวันที่ไม่ต้องทำงาน แต่ประชาชนยังได้รับเงินเดือนอาจเลื่อนมาเร็วขึ้นหรือขยายออกไปในบางภูมิภาค เนื่องจากสถานการณ์การระบาดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ จึงอนุญาตให้ผู้บริหารสูงสุดในแต่ละภูมิภาคมีสิทธิออกมาตรการเพิ่มเติม

ขณะนี้ทางการรัสเซียกำลังเพิ่มความพยายามเร่งด่วนเพื่อชะลอการระบาด ขณะที่ประชาชนลังเลไม่ยอมฉีดวัคซีนสปุตนิกวีที่เป็นของรัสเซียเอง โดยเมื่อวันอังคาร นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกประกาศให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องอยู่บ้านนาน 4 เดือน

สำนักงานนายกเทศมนตรีกำลังพยายามบีบให้ห้างสรรพสินค้าเชื่อมกล้องตรวจความปลอดภัยเข้ากับระบบจดจำใบหน้ากลาง เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่บังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ขณะนี้ห้างสรรพสินค้าในกรุงมอสโกครึ่งหนึ่งจาก 600 ห้าง ยังไม่เชื่อมต่อกับระบบดังกล่าว

นายมิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขรัสเซียขณะนี้จำกัดมาก บุคลากรทางการแพทย์ราว 650,000 คนทั่วประเทศต้องรักษาผู้ป่วยโควิด

ทั้งนี้ รัสเซียเริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือน ก.ค. เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ทำแบบนี้ แต่ประธานาธิบดีปูตินยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น นายดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินเผยว่า ประธานาธิบดีจะฉีดก็ต่อเมื่อแพทย์และผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฉีด

ด้านบุคลากรทางการแพทย์สหราชอาณาจักร (ยูเค) แถลงการเร่งด่วนเรียกร้องให้รัฐบาลกลับไปใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเข้าโรงพยาบาลเพิ่มสูงอีกครั้ง

เมื่อกลางดึกวันอังคารผู้นำภาคสาธารณสุขเตือนว่า  ยูเค  “เสี่ยงก้าวพลาดเข้าสู่วิกฤติฤดูหนาว” ถ้ารัฐบาลไม่มีแผนสำรองอย่างที่เคยให้คำมั่นไว้เมื่อเดือนก่อน ที่บอกว่าจะใช้มาตรการคุมโควิดอีกครั้งถ้ามีข้อมูลชี้ว่าระบบบริการสาธารณสุขแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ใกล้รับไม่ไหว

สมาพันธุ์เอ็นเอชเอสซึ่งเป็นตัวแทนองค์กรสาธารณสุขทั่วยูเค ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลกลับไปใช้มาตรการคุมโควิด เช่น บังคับสวมหน้ากากในที่ประชาชนหนาแน่นและในสถานที่ปิดเพื่อดูแลประชาชนและป้องกันไม่ให้คนไข้ล้นโรงพยาบาลในฤดูหนาวนี้

ขณะนี้ยูเคมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 40,000-50,000 คน จำนวนผู้เข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระนั้นอัตราลดลงกว่าการระบาดก่อนหน้านี้มาก เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่ช่วยลดความเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรง เข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิตได้

แต่สิ่งที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกคือ การกลายพันธุ์ใหม่ของสายพันธุ์เดลตาที่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 15 ต.ค. สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพยูเครายงานว่า สายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่ของสายพันธุ์เดลต้าทีเรียกว่าAY.4.2 กำลังแพร่กระจายในอังกฤษ สำนักงานกำลังจับตาดูสายพันธุ์ย่อยนี้