‘ทาทา พาวเวอร์’ลงทุนพลังงานสะอาดเพิ่ม
‘ทาทา พาวเวอร์’ลงทุนพลังงานสะอาดเพิ่ม โดยปัจจุบัน พลังงานสะอาดมีสัดส่วนประมาณ 30% ของพอร์ทการลงทุนโดยรวมของทาทา พาวเวอร์
“พราเวียร์ ซินฮา”ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)และกรรมการผู้จัดการบริษัททาทา พาวเวอร์ ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชีย ว่า บริษัทมีแผนเพิ่มการลงทุนด้านพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในการผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่อินเดีย ที่มีประชากร 1.3 พันล้านคนเพิ่มจากปัจจุบันที่ผลิตได้4 กิกะวัตต์เป็น 25 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573
“สำหรับประเทศอย่างอินเดีย พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่เป็นแหล่งพลังงานที่ดีมาก พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ตลอดทั้งปีไม่เหมือนทวีปยุโรปที่แต่ละปีเต็มไปด้วยเมฆหมอกและหิมะ เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของบริษัทที่จะยกระดับและดูว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นผ่านแหล่งพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างไร”ซีอีโอ ทาทา พาวเวอร์ กล่าว
ซินฮา กล่าวด้วยว่า บริษัทตั้งเป้าจัดหาการบริการรูปแบบต่างๆแก่ลูกค้าตลอด24ชั่วโมง ผ่านทางแหล่งพลังงานทั้งดวงอาทิตย์ กระแสลม และแหล่งพลังงานอื่นๆ
หน่วยงานด้านผลิตกระแสไฟฟ้าของทาทา กรุ๊ป กลุ่มบริษัทรายใหญ่สุดของอินเดีย หวังที่จะเพิ่มคำสั่งซื้อกระแสไฟฟ้าให้ได้ปีละ 2 กิกะวัตต์เพื่อให้บรรลุตามเป้าที่วางไว้ในปี 2573
ปัจจุบัน พลังงานสะอาดมีสัดส่วนประมาณ 30% ของพอร์ทการลงทุนโดยรวมของทาทา พาวเวอร์ซึ่งบริษัทตั้งความหวังว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2568
ที่ผ่านมา หน่วยงานที่ดูแลด้านพลังงานจากแสงอาทิตย์ของบริษัทได้รับสัมปทานมูลค่า 5,380 ล้านรูปี(71.7 ล้านดอลลาร์) จากรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลชื่ออีเนอร์ยี เอฟฟิเซียนซี เซอร์วิสเซส (Energy Efficiency Services)เพื่อสร้างโครงการโซลาร์ขนาด 100 เมกะวัตต์
ปัจจุบัน ทาทา พาวเวอร์ดำเนินธุรกิจทั้งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานดั้งเดิมและพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ การเปลี่ยนผ่านพลังงาน การกระจายพลังงานและธุรกิจใหม่ๆเพื่อลูกค้ารายย่อยเช่น ติดตั้งแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา และติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลอินเดีย ภายใต้การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด เมื่อเดือนส.ค. รัฐบาลประกาศติดตั้งระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ช่วยให้อินเดียผลิตพลังงานหมุนเวียนได้มากกว่า 100 กิกะวัตต์
ถือเป็นหลักไมล์ในความพยายามของประเทศที่ต้องการผลิตพลังงานชนิดนี้ให้ได้ 450 กิกะวัตต์ ภายในปี2573 ปีเดียวกับที่รัฐบาลตั้งเป้าให้ประเทศมีรถไฟฟ้าในสัดส่วน 30% จากปัจจุบันที่รถยนต์ในอินเดียเป็นรถไฟฟ้าไม่ถึง 1%
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีโมดี ยังประกาศแผนการลงทุนภาครัฐมูลค่า 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ทันสมัย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการเน้นใช้พลังงานสะอาด เพื่อช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายจัดการกับปัญหาสภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ผู้นำอินเดีย มั่นใจว่าแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างงานให้ประชาชนนับแสนคน และทำให้อุตสาหกรรมขอบอินเดียก้าวขึ้นไปแข่งขันในเวทีโลกได้มากขึ้น