นักวิเคราะห์แนะจีนพักแผนลดปล่อยคาร์บอนชั่วคราว

นักวิเคราะห์แนะจีนพักแผนลดปล่อยคาร์บอนชั่วคราว

นักวิเคราะห์แนะจีนพักแผนลดปล่อยคาร์บอนชั่วคราว ขณะการขาดแคลนไฟฟ้าทำให้โรงงานในจีนหลายแห่งยุติการผลิตและเอ็นบีเอสรายงานว่าจีดีพีจีนโตแค่ 4.9% ในไตรมาส 3

บรรดานักวิเคราะห์แนะจีนพักแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ไว้ชั่วคราว เพื่อรับมือกับการขาดแคลนพลังงานระดับวิกฤต ด้านซีเอ็นพีซี เร่งจัดหาก๊าซธรรมชาติแสนล้านลูกบาศก์เมตร รองรับความต้องการพลังงานเพิ่มช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิในจีน

นักวิเคราะห์มีความเห็นว่า จีนอาจจะต้องพักแผนการอันทะเยอทะยานเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์เอาไว้ก่อนอย่างน้อยก็ในระยะสั้นเพื่อจัดการกับปัญหาขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรงในระดับวิกฤติขณะนี้  

  “ก็เหมือนตลาดอื่นๆในเอเชียและยุโรป จีนต้องดำเนินการอย่างมีสมดุลระหว่างความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ผ่านทางการบริโภคถ่านหินเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จริงจังในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้ได้ตามเป้า”กาวิน ธอมป์สัน รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของวู้ด แมคเคนซีย์ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานชั้นนำของโลก กล่าว
         

พร้อมเสริมว่า ในความเป็นจริงแล้ว ในระยะสั้นจีนและอีกหลายประเทศมีทางเลือกน้อยมากนอกจากจะเพิ่มการบริโภคถ่านหินเพื่อให้สอดรับกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น 

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนประกาศว่าจีนจะเริ่มลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ภายในปี 2573 พร้อมทั้งตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนฯเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2603

เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี ได้กล่าวต่อผู้นำทั่วโลกในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ)ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ที่อัดไว้ล่วงหน้าว่า จีนจะไม่ให้ทุนสนับสนุนในการก่อสร้างโครงการผลิตพลังงานโดยใช้ถ่านหินในต่างประเทศอีก ถือเป็นคำประกาศที่สร้างความประหลาดใจแก่ประเทศต่างๆทั่วโลก
 

ภายใต้แผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จีนได้สั่งให้ 20 มณฑลตัดไฟบางส่วนเพื่อลดการใช้พลังงาน พร้อมกับขอให้ประชาชนในประเทศร่วมมือกันลดการใช้ไฟฟ้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ของประเทศ ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตที่ถือว่าเป็นผู้ปล่อยมลพิษ

 ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้า ทำให้โรงงานผลิตในจีนหลายแห่งยุติการผลิต ล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 4.9% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ผิดจากที่รอยเตอร์เคยสำรวจไว้ว่าจะขยายตัว 5.2% การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 3.1% ต่ำกว่า 4.5% ที่รอยเตอร์คาดการณ์ไว้

“ฟู่ หลิงฮุ่ย” โฆษกเอ็นบีเอส แถลงว่า ในไตรมาส 3 ความเสี่ยงและความท้าทายทั้งภายในและต่างประเทศเพิ่มสูง การขาดแคลนพลังงาน “ส่งผลกระทบบางประการ” ต่อการผลิตปกติ แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้นสามารถควบคุมได้

ช่วงปลายเดือน ก.ย. หลายโรงงานต้องหยุดการผลิตเนื่องจากราคาถ่านหินพุ่งสูง และขาดแคลนไฟฟ้าทำให้ทางการท้องถิ่นต้องตัดไฟกะทันหัน นับแต่นั้นรัฐบาลปักกิ่งย้ำว่าจะเพิ่มอุปทานถ่านหิน และสร้างหลักประกันว่ามีไฟฟ้าพร้อมใช้

นอกจากนี้ จีนได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมอุปทานพลังงานและราคาไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ ขณะที่มาตรการเหล่านี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ วิกฤตการณ์พลังงานจะเริ่มคลี่คลาย และผลกระทบต่อการดำเนินงานทางเศรษฐกิจจะลดลง

ข้อมูลจากเอ็นบีเอส ระบุว่า จีนผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี และขยายตัวเร็วกว่าอัตราการผลิตไฟฟ้าเดือนส.ค. ที่ระดับ 4.7%

เอ็นบีเอส รายงานด้วยว่า การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ซบเซากว่าคาด เพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 เทียบกับคาดการณ์ที่ 7.9%ภาคธุรกิจไม่อยากลงทุนโครงการในอนาคต

ด้าน“จู เจ้าผิง” นักกลยุทธ์ตลาดโลก เจพีมอร์แกน แมเนจเมนท์ กล่าวว่า กิจกรรมการลงทุนย่อตัวลงเป็นผลจากการควบคุมเงื่อนไขปล่อยสินเชื่อ เขาประเมินว่า การลงทุนในสินทรัพย์คงที่เดือน ก.ย.ลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เบื้องต้นเป็นผลจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 3.5%

จากการประเมินของมูดีส์ ภาคอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคิดเป็นหนึ่งในสี่ของจีดีพีจีน ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งเพิ่มความพยายามลดการกู้หนี้ของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ

อย่างกรณีของเอเวอร์แกรนด์ที่ตกเป็นข่าวใหญ่ในเดือน ส.ค. เมื่อบริษัทแจ้งว่า อาจผิดนัดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งธนาคารกลางจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) ว่า กรณีของเอเวอร์แกรนด์ไม่เหมือนคนอื่น ขณะที่ปฏิบัติการของบริษัทอสังหาฯ รายอื่นมีเสถียรภาพดี

แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนโดยรวม ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญ กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น เพราะนอกจากจะมีปัญหาเรื่องหนี้สินจำนวนมากแล้ว การขายบ้านในโครงการต่างๆทำได้น้อยลง ขณะที่เจ้าหน้าที่จีนเพิ่มความพยายามในการควบคุมราคาบ้านไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้