‘ดาวโจนส์’ร่วง 117 จุดเหตุนลท.วิตกเงินเฟ้อหลังราคาพลังงานทะยานต่อเนื่อง

‘ดาวโจนส์’ร่วง 117 จุดเหตุนลท.วิตกเงินเฟ้อหลังราคาพลังงานทะยานต่อเนื่อง

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(12ต.ค.)ปรับตัวลง 117 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนพลังงาน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 117.72 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 34,378.34 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 10.54 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,350.65 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 20.28 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 14,465.93 จุด

นักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลให้ต้นทุนพลังงานดีดตัวและก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและบั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ทะยานขึ้นทะลุระดับ 82 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายระหว่างวันเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 80.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากระดับปิดของวันศุกร์

นอกจากนี้ การซื้อขายยังได้รับปัจจัยกดดันหลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงจากเดิมที่เมื่อเดือนก.ค.คาดว่าจะขยายตัว 6.0% เหลือเป็นขยายตัว 5.9% ขณะที่ยังคงตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีหน้าไว้ว่าจะขยายตัว 4.9%

ไอเอ็มเอฟ ระบุในรายงาน World Economic Outlook ว่า ปัญหาด้านซัพพลายเชนนั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งแม้ไอเอ็มเอฟจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์เพียงเล็กน้อยในภาพรวมทั่วโลก แต่สำหรับบางประเทศนั้น การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้แนวโน้มของประเทศเหล่านี้มืดมนมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ต่ำ

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ โดยเจพีมอร์แกนมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ในวันพุธนี้ ส่วนโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้ กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้