CDC ชี้ "โมเดอร์นา" มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดป่วยรุนแรง เข้าโรงพยาบาล

CDC ชี้ "โมเดอร์นา" มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดป่วยรุนแรง เข้าโรงพยาบาล

"ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ" เผย วัคซีนโมเดอร์นา ป้องกันผู้ติดโควิดป่วยรุนแรงเข้าโรงพยาบาลได้สูงสุด รองลงมาเป็นไฟเซอร์ และ J&J พร้อมเปิดประสิทธิภาพวัคซีนโควิดของแต่ละชนิด

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ เปิดเผยผลการศึกษาใหม่ ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นามีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์ และของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) มีประสิทธิภาพรองลงมาตามลำดับในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

CDC ระบุว่า ประสิทธิภาพดังกล่าวของวัคซีนโมเดอร์นาอยู่ที่ระดับ 93%, ของไฟเซอร์/ไบออนเทคอยู่ที่ 88% และของ J&J อยู่ที่ 71%

อ่านข่าว : สหายเพื่อสหาย! "เวียดนาม"อนุมัติวัคซีน"คิวบา"

"แม้ข้อมูลจากการศึกษาบ่งชี้ว่า วัคซีนมีระดับการป้องกันที่แตกต่างกัน แต่วัคซีนทั้งหมดก็สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล" รายงานของ CDC ระบุ

การศึกษาดังกล่าวรวบรวมข้อมูลจากผู้ใหญ่ 3,600 คนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลราว 20 รัฐของสหรัฐระหว่างเดือนมี.ค. - ส.ค.ปีนี้

นักวิจัยระบุว่า ประสิทธิภาพวัคซีนโควิดของไฟเซอร์ จะเริ่มลดลงในอัตราที่มากกว่าของโมเดอร์นา และเริ่มลดลงนับตั้งแต่เดือนที่ 4 หลังจากฉีดวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว โดยอยู่ที่ระดับ 77%

CDC อธิบายว่า สาเหตุของประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ที่ลดลงมากกว่านั้นอาจจะมาจากระยะเวลาระหว่างการฉีดเข็มแรกกับเข็มที่สอง โดยของโมเดอร์นาใช้เวลาห่างกัน 4 สัปดาห์ และไฟเซอร์ใช้เวลาห่างกัน 3 สัปดาห์ ซึ่งอาจทำให้ระดับภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโมเดอร์นาสูงกว่าของไฟเซอร์

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สังเคราะห์สารพันธุกรรมเอ็มอาร์เอ็นเอ (messenger RNA: mRNA) ที่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อไวรัส

ส่วนวัคซีนโควิดของ J&J พัฒนาจากไวรัสที่สามารถตัดแต่งพันธุกรรม เช่น ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) นำมาดัดแปลงพันธุกรรมไม่ให้สามารถแบ่งตัวได้ และใส่สารพันธุกรรมของไวรัสโรคโควิด-19 เข้าไปด้วย