หนังเล่าโลก: The Awakening of Motti Wolkenbruch ‘เมื่อหนุ่มยิวตาสว่าง’

หนังเล่าโลก:  The Awakening of Motti Wolkenbruch ‘เมื่อหนุ่มยิวตาสว่าง’

วิถีชีวิตตามขนบชาวยิวขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัด เมื่อหนุ่มน้อยคนหนึ่งซึงเคยเชื่อฟังแม่มาตลอดกลับลุกขึ้นมาท้าทาย อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น

เรื่องราวของชาวยิวที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์นอกจากการตกเป็นเหยื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว วิถีชีวิตอันเคร่งครัดก็มีให้เห็นในภาพยนตร์หลายเรื่อง แล้วแต่ว่าจะถ่ายทอดในมุมจริงจังหรือมุมตลกเสียดสีอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Awakening of Motti Wolkenbruch ผลงานการกำกับของ Michael Steiner

The Awakening of Motti Wolkenbruch ภาพยนตร์ปี 2561 บอกเล่าเรื่องราวของมอตตี้ หนุ่มยิวในชุมชนยิวเคร่งจารีตเมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์ มีแม่ที่เข้ามาบงการทุกอย่างในชีวิตลูก รวมถึงการจัด “ชิดดัค” หรือการนัดพบปะเพื่อจับคู่ชายหญิงชาวยิวให้พบรักและแต่งงานกัน มอตตี้เป็นลูกชายคนสุดท้อง จึงเป็นเด็กดี หัวอ่อน เชื่อฟังแม่ทุกอย่าง กระนั้นแม่ก็อดห่วงไม่ได้ว่า ลูกรักจะไปหลงเสน่ห์ “ชิคซา” หรือหญิงสาวผู้ไม่ใช่ยิว ไม่รู้ขนบยิวใดๆ เลย 

และแล้วสิ่งที่แม่ห่วงก็เป็นจริง มอตตี้หลงรัก“ลอรา” ชิคซาที่เรียนคลาสเดียวกันในมหาวิทยาลัย  เพราะมอตตี้รู้สึกว่า ชีวิตที่อยู่ในกรอบตั้งแต่เกิดจนตายตามขนบยิวนั้นช่างน่าเบื่อ “ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม” จากนั้นเขาเริ่มใช้ชีวิตแหกคอกตั้งแต่โกนเครา ซื้อของในร้านค้าที่ไม่ใช่ร้านชาวยิว และไปเดตกับลอรา เมื่อลูกชายผู้เคยเชื่อฟังแม่ทุกอย่างเปลี่ยนไปชนิดที่ไม่อาจจะรับได้เช่นนี้พ่อแม่จึงพามอตตี้ไปปรึกษาแรบไบ (นักบวชยิว) ได้รับคำแนะนำให้มอตตี้ไป “แผ่นดินอิสราเอล” เพื่อตกหลุมรักกับใครสักคน  เพราะแรบไบก็มีภรรยาเป็นชาวอิสราเอล โดยแรบไบได้ฝากฝังให้มอตตี้ไปอยู่กับเพื่อนแรบไบของตน ขณะที่แม่ก็คาดหวังสูงมากว่าเมื่อลูกชายไปถึงที่นั่นจะต้องหาลูกสะใภ้ดีๆ ตามขนบยิวมาได้แน่ๆ 

แต่เรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่แม่คาด การไปเยือนแผ่นดินอิสราเอลของมอตตี้ครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะเพื่อนแรบไบที่มอตตี้ไปพักด้วยในเทลอาวีฟกลับเป็นนักบวชยิวแนวใหม่ในเครือข่าย “โอม ชาโลม” ผสมผสานแนวคิดยิวเข้ากับตันตระและโยคะ มอตตี้ได้รู้จักหนึ่งในสานุศิษย์สาวสวยชาวอิสราเอลตามเป้าหมาย เธอผู้นี้พามอตตี้ไปใช้ชีวิตสำเริงสำราญและได้สัมผัสกับ “รสรักแรก” แบบสนุกกันชั่วครั้งคราวไม่ต้องผูกมัด เมื่อแม่รู้เรื่องนี้เข้าเรียกได้ว่าแทบอกแตก ต้องเรียกตัวมอตตี้กลับซูริคทันทีพร้อมสาปส่ง “เทลอาวีฟเป็นที่แห่งความอัปยศ” 

ดูมาถึงฉากที่หนุ่มสาวรื่นรมย์กับชีวิตอิสระริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของเทลอาวีฟ ทำให้นึกถึงตอนที่ผู้เขียนมีโอกาสไปเยือนเมืองนี้เมื่อสองปีก่อน ไกด์ชี้ให้ดูธงสีรุ้งที่ติดอยู่ตามอาคารต่างๆ สะท้อนว่า เทลอาวีฟเป็นเมืองที่เปิดกว้างและเป็นมิตรกับกลุ่มหลากหลายทางเพศ (แอลจีบีทีคิวพลัส) เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาก็เพิ่งจัดงานจูนเกย์ไพรด์อย่างยิ่งใหญ่เป็นที่แรกๆ ของโลกหลังโควิด-19 ระบาด หากใจกว้างระดับนี้แล้วเทลอาวีฟย่อมรับได้กับความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบ

ส่วนความรักระหว่างหนุ่มยิวกับชิคซานั้น ผู้เขียนมีเพื่อนคนหนึ่งแต่งงานไปกับหนุ่มยิวอังกฤษขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องย้ายถิ่นฐานไปอิสราเอล ดูเรื่องนี้แล้วก็อดสอบถามไม่ได้ว่า เธอถูกครอบครัวสามีกีดกันบ้างหรือเปล่า ก็โชคดีที่ไม่โดนแถมยังรักสะใภ้ไทยคนนี้เพราะครอบครัวสามีไม่เคร่ง และออกจะขวางๆ กับชาวยิวเคร่งศาสนา แต่เพื่อนเล่าว่าเมื่อไปร่วมพิธีทางศาสนา เช่น  passover (เทศกาลที่ชาวยิวระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกจากการเป็นทาสในอียิปต์) กับแรบไบในโบสถ์ยิว เพื่อนสัมผัสได้ว่า “โดนแช่ง” 

สำหรับหนุ่มมอตตี้เมื่อกลับมาถึงซูริคก็ตัดสินใจยอมแตกหักกับแม่ด้วยการสานต่อสัมพันธ์กับชิคซาอย่างลอรา ถึงขนาดถูกแม่ไล่ออกจากบ้านก็ไม่แคร์ขอเดินหน้าชีวิตด้วยตนเองไม่ยอมให้แม่บงการอีกต่อไป การตัดสินใจเด็ดขาดของมอตตี้ช่วยให้เขาได้ “บทเรียนรัก” ที่บอกกับคนดูได้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมีสำนึกขบถมาตั้งแต่เกิดก็ได้ แค่การมีโอกาสเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ จนตาสว่างเหมือนตอนที่มอตตี้ไปพบความจริงที่เทลอาวีฟ ก็อาจปลุกสำนึกขบถในตัวเราให้กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจอันแข็งแกร่งที่ควบคุมเรามาทั้งชีวิตได้