อานิสงส์วัคซีน สิงคโปร์เริ่มผ่อนมาตรการคุมโควิด 10 ส.ค.

อานิสงส์วัคซีน สิงคโปร์เริ่มผ่อนมาตรการคุมโควิด 10 ส.ค.

รัฐบาลสิงคโปร์เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 สัปดาห์หน้า เนื่องจากสัดส่วนประชาชนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น

นายออง เย คุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ประธานร่วมคณะทำงานรับมือโควิด-19 แถลงวานนี้ (6 ส.ค.) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันคงที่นับตั้งแต่ออกมาตรการควบคุมครั้งล่าสุด ระหว่างนั้นสัดส่วนประชาชนฉีดวัคซีนครบสองโดสเพิ่มจำนวนขึ้นจากราว 40% เป็น 67% เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.) สามารถป้องกันการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนควบคุมไม่ได้ รวมถึงการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้

ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัด การรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพิ่มจาก 2 คนเป็น 5 คน แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนรัฐบาลขอให้จำกัดแค่ 2 คน การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในร้านรวมกลุ่มกันได้ถึง 5 คนถ้าฉีดวัคซีนกันหมดแล้ว หรือมีผลตรวจในรอบ 24 ชั่วโมงเป็นลบ แต่การรับประทานในศูนย์อาหารกลางแจ้งและร้านกาแฟทำได้แค่กลุ่มละ 2 คนเท่านั้น ไม่ว่าฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม

สำหรับการผ่อนคลายข้อจำกัดพรมแดน สิงคโปร์อนุญาตให้ผู้ถือใบอนุญาตทำงานที่ฉีดวัคซีนครบแล้วและผู้ติดตามเข้ามาได้มากขึ้น และจากวันที่ 20 ส.ค. นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนครบแล้วจากประเทศที่กำหนด เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมนี และเกาหลีใต้กักตัวที่บ้านได้

“ตอนนี้เราอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการกลับสู่เส้นทางเปิดดำเนินการเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่ต้องทำอย่างระมัดระวังแบ่งเป็นระยะๆ” นายกัน คิมยง รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม ประธานร่วมอีกคนหนึ่งกล่าว

นอกจากนี้รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมอีกราวต้น ก.ย. ที่คาดว่าประชาชน 80% ฉีดวัคซีนครบแล้ว

ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ปรับมาตรการรับมือโควิดหลายรอบตั้งแต่เดือน พ.ค. เนื่องจากการติดเชื้อในประเทศเพิ่มมากขึ้น หลายคนติดสายพันธุ์เดลตาที่ติดต่อกันได้ง่าย มาตรการเข้มงวดล่าสุดออกเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ห้ามการรับประทานอาหารในร้านและจำกัดจำนวนประชาชนที่จะพบปะกัน

สิงคโปร์ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก นายอ่องกล่าวว่า สัดส่วนประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจะเพิ่มเป็น 70% ภายในวันจันทร์ (9 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันชาติ

แต่เนื่องจากสัดส่วนประชากรที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดสยังมีมาก นายกันเผยว่า รัฐบาลจะใช้ข้อกำหนดทางสังคมที่แตกต่างกันออกไปเทียบจากสถานะการฉีดวัคซีนของประชาชน