'พร็อพเพอร์ตีกูรู' รุกเอเชีย ซื้อกิจการคู่แข่งไทย-มาเลย์

'พร็อพเพอร์ตีกูรู' รุกเอเชีย  ซื้อกิจการคู่แข่งไทย-มาเลย์

“พร็อพเพอร์ตีกูรู” เว็บท่าเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ สัญชาติสิงคโปร์ ประกาศแผนเข้าครอบครองบริษัทคู่แข่งในมาเลเซียและในไทย เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เว็บท่าเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ ระบุวานนี้ (31พ.ค.)ว่าจะซื้อหุ้นทั้งหมดในหน่วยงานต่างๆของREA Group ที่บริหารแพลตฟอร์ม iProperty.com.my ในออสเตรเลีย และ Brickz.my ในมาเลเซีย ,thinkofliving.com และ Prakard.comในประเทศไทย       

“เมื่อรวมทรัพยากรทั้งหมดที่เรามาอยู่เข้าด้วยกัน จะทำให้เราสามารถมอบนวัตกรรมใหม่ๆแก่ผู้ต้องการซื้อบ้านได้มากขึ้น พร้อมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้พวกเขานำไปตัดสินใจในการซื้อบ้าน”ฮาริ วี.กฤษนันท์  ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)และกรรมการผู้จัดการพร็อพเพอร์ตีกูรู กรุ๊ป กล่าว

ภายใต้ข้อตกลงนี้ REA Group ซึ่งจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียจะเข้าถือหุ้น 18% ในพร็อพเพอร์ตีกูรู กรุ๊ปและได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร โดยคาดว่าข้อตกลงนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.

 “การได้ร่วมงานกับพร็อพเพอร์ตีกูรู กรุ๊ปถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆด้านความร่วมมือและเข้าถึงความเชี่ยวชาญในเชิงลึก เข้าถึงเทคโนโลยีและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ต่างๆที่เราบริหารอยู่และถือเป็นคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมพร็อพเทคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”โอเวน วิลสัน ซีอีโอ REA Group  กล่าว

การเคลื่อนไหวของพร็อพเพอร์ตีกูรูมีขึ้นหลังจากแกร็บ บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ที่ให้บริการเรียกรถรับส่งและสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชันมือถือรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความต้องการอย่างมากที่จะลงทุนกับแกร็บผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) 

 

 แหล่งข่าวระบุว่า การทำไอพีโอของแกร็บ อาจระดมทุนได้อย่างน้อย 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้แกร็บกลายเป็นบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เสนอขายหุ้นในต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทโกเจ็ก ผู้ให้บริการแอพพลิเคชันเรียกรถและชำระเงินของอินโดนีเซีย และโทโกพีเดีย บริษัทอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย ประกาศเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการภายใต้บริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า โกทู กรุ๊ป โดยโกเจ็กบอกว่า การควบรวมกิจการในครั้งนี้ถือเป็นข้อตกลงทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียแต่ไม่ได้มีการเปิดเผยถึงมูลค่าของข้อตกลงดังกล่าว

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทอยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์

ธุรกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มสดใส โดยงานวิจัยล่าสุดของกูเกิล บริษัทให้บริการสืบค้นข้อมูลชื่อดัง เทมาเส็ก บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์และบริษัทเบน แอนด์ โค บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ คาดการณ์ว่า มูลค่ารวมของสินค้า(จีเอ็มวี)ของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขยายตัวสามเท่าเป็น 300,000 ล้านดอลลาร์ในระยะ 5 ปีจนถึงปี 2568