'ดาวโจนส์'บวก 64 จุดเหตุนลท.เมินเงินเฟ้อพุ่ง

'ดาวโจนส์'บวก 64 จุดเหตุนลท.เมินเงินเฟ้อพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (28พ.ค.)ดีดตัวขึ้น 64 จุด ขณะที่นักลงทุนเมินตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ขณะที่ให้ความสนใจต่อการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการซื้อขายจะเบาบางในวันนี้ ก่อนวันหยุดยาวช่วงสุดสัปดาห์ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 31 พ.ค.เนื่องในวันทหารผ่านศึก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 64.81 จุด ปิดที่ 34,529.45 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 4,204.11 จุด และดัชนีแนสแด็กขยับขึ้น 0.1% ปิดที่ 13,748.74 จุด

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ปธน.ไบเดนจะเปิดเผยงบประมาณประจำปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. โดยจะประกอบด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งช่วยเหลือภาคครัวเรือนสหรัฐเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นิวยอร์กไทมส์ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลของปธน.ไบเดนจะเพิ่มวงเงินในงบประมาณขึ้นสู่ระดับ 8.2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2574

นอกจากนี้ รัฐบาลจะประกาศเพิ่มอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาเพื่อหารายได้มาชดเชยรายจ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่ารัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณลดลงนับตั้งแต่ปี 2573

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.5% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีซีอี พุ่งขึ้น 3.6% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 2.3% ในเดือนมี.ค.

ส่วนดัชนี พีซีอีพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.4% ในเดือนมี.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีซีอีพื้นฐาน พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.9% จากระดับ 1.9% ในเดือนมี.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค.

นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลลดลง 13.1% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 14.0% หลังจากพุ่งขึ้น 20.9% ในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคลได้ชะลอตัวลงในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับการพุ่งขึ้นในเดือนมี.ค. ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนอัตราการออมของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 14.9% ในเดือนเม.ย.