5 เรื่องน่ารู้ ‘Dogecoin’ คริปโตสุดปั่นแห่งยุค

5 เรื่องน่ารู้ ‘Dogecoin’ คริปโตสุดปั่นแห่งยุค

หากใครเป็นนักลงทุนเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี คงเคยได้ยินชื่อ "Dogecoin" หนึ่งในเงินดิจิทัลที่กำลังมาแรงที่สุดในปี 2564 ไม่แพ้ "Bitcoin" (บิทคอยน์) และคริปโตหน้าชิบะสุดปั่นนี้ก็มีเรื่องน่าสนใจที่หลายคนอาจยังไม่รู้เช่นกัน

ข้อมูลจาก CoinGecko เผยว่า ระหว่างการซื้อขายช่วงเช้าวันจันทร์ (8 ก.พ.) ในตลาดเอเชีย ราคา Dogecoin พุ่งทะลุ 8 เซ็นต์เป็นครั้งแรก มาแตะที่ราว 8.2 เซ็นต์ช่วงสั้น ๆ ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากราคาร่วงหนักแตะ 2.5 เซ็นต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาล่าสุดยังทำลายสถิตินิวไฮเดิมเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ราคา Dogecoin คริปโตที่มี "สุนัขชิบะ" เป็นมาสค็อต พุ่งแตะที่ 7.8 เซ็นต์ ทำให้นับตั้งแต่เข้าปี 2564 ถึงปัจจุบัน ราคาคริปโตนี้ทะยานไปแล้วกว่า 800%

161277388471

ปัจจัยดันราคา Dogecoin หลัก ๆ เกิดจากการทวีตเชียร์สุดตัวของ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีแห่งเทสลาที่ประกาศตัวเป็นแฟนตัวยงของเงินดิจิทัล รวมถึง Bitcoin และ Dogecoin

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มัสก์กลับมาเล่นทวิตเตอร์อีกครั้งหลังประกาศออกจากทวิภพได้เพียงวันเดียว และขยันทวีตปั่นกระแส Dogecoin วันละหลายรอบจนราคาคริปโตนี้ทะยานอย่างต่อเนื่อง

161277348654
- เพียงแค่ อีลอน มัสก์ ทวีตเนื้อเพลงโดยแปลงคำว่า Dog ให้เป็นคำว่า Doge ราคาคริปโตหน้าชิบะก็พุ่งทันที -

ราคาที่ปรับขึ้นครั้งนี้ ทำให้มูลค่าตลาดของคริปโต Dogecoin เพิ่มเป็น 10,500 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3.15 แสนล้านบาท และกลายเป็นเงินดิจิทัลมูลค่าสูงสุดอันดับ 8 ในตลาดคริปโตโลกในปัจจุบัน

นอกจากความเคลื่อนไหวล่าสุดแล้ว กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ขอชวนอ่านเกร็ดน่ารู้ 5 เรื่องเกี่ยวกับ Dogecoin ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้

 

  • สร้างขึ้นเมื่อไร

Dogecoin ถูกสร้างโดยโปรแกรมเมอร์ชื่อ บิลลี มาร์คัส และนักการตลาดชื่อ แจ็คสัน พาล์มเมอร์ เมื่อปี 2556 หลังเกิดมีม (Meme) รูปสุนัขชิบะมองด้วยหางตา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์การ์ตูนตลกในอเมริกาเรื่อง “Homestar Runner”

161277370138
- มีมต้นกำเนิดจาก Homestar Runner -

161277371432
- มีมสุนัขชิบะหน้าตาเลิ่กลั่ก ที่กลายเป็นมาสค็อต Dogecoin -

ในช่วงเริ่มต้น พวกเขาต้องการสร้างเงินดิจิทัลขำ ๆ เพื่อให้เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า Bitcoin และต้องการให้ Dogecoin มีความแตกต่างจาก Bitcoin ที่มีภาพลักษณ์ไม่ดีจากการที่เข้าไปเป็นสกุลเงินกลางที่ใช้ในการซื้อขายตลาดยาเสพติดออนไลน์ในขณะนั้น

 

  • อ่านออกเสียงอย่างไร

นักลงทุนจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาในการออกเสียงชื่อคริปโต Dogecoin ให้ถูกต้อง แม้จะเงินดิจิทัลนี้ตั้งชื่อล้อคำว่า Dog ที่แปลว่า สุนัข และใช้เจ้าชิบะเป็นมาสค็อตอย่างเป็นทางการ แต่เว็บไซต์ Dictionary.com และพาล์มเมอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Dogecoin ระบุตรงกันว่า อ่านออกเสียง "โดชคอยน์" (dohj coin)

ขณะเดียวกัน บางแหล่งข้อมูลอ้างว่า Dogecoin สามารถออกเสียง "โดกคอยน์" (dohg koin) และ "ด็อกกีคอยน์" (dog-ee koin) ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ออกเสียงตามผู้ก่อตั้งคริปโตนี้ดีที่สุด

 

  • ไม่จำกัดจำนวนเหรียญ

สิ่งหนึ่งที่ Dogecoin แตกต่างจากเงินดิจิทัลอื่น ๆ รวมถึง Bitcoin คือ Dogecoin ไม่มีการจำกัดของจำนวนเหรียญที่จะถูกสร้างขึ้น ทำให้คริปโตนี้เหมือนกับสกุลเงินอื่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่ไม่มีการจำกัดจำนวนของธนบัตรที่จะถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกัน

 

  • แลกเปลี่ยนไร้คนกลาง

Dogecoin ใช้ระบบการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีแบบกระจายศูนย์ หรือ Decentralized Exchange ที่ให้คนสามารถแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีกันได้แบบไม่ต้องผ่านคนกลางหรือพนักงานมาจัดการ รวมถึงเป็นการให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซื้อขายได้ทันทีทั่วโลก

 

  • คริปโตฮอตสุดในทวิตเตอร์

ข้อมูลจาก The Tie ระบุว่า Dogecoin เป็นคริปโตเคอเรนซีที่ถูกทวีตถึงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ณ วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวีตถึงคำว่า Doge ซึ่งเป็นชื่อย่อของเงินดิจิทัลดังกล่าวกว่า 200,810 ข้อความในช่วง 24 ชั่วโมง ทุบสถิติเดิมของ Bitcoin ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2564 และ 22 ธ.ค. 2560

นอกจากนี้ Doge ยังคิดเป็นสัดส่วนกว่า 58% ของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดที่ถูกพูดถึงในทวิตเตอร์ด้วย สะท้อนถึงความเป็นขวัญใจมหาชนชาวทวิภพอย่างแท้จริง และแน่นอนว่า หนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์คนสำคัญที่ช่วยจุดกระแสนี้จนติดลมบนคือ อีลอน มัสก์ นั่นเอง

ผลโพลในทวิตเตอร์ @elonmusk ที่ถามผู้ติดตามกว่า 46 ล้านคนเกี่ยวกับ "สกุลเงินอนาคตของโลก" เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่า กว่า 71% โหวตให้ Dogecoin ขณะที่กว่า 28% โหวตให้เงินดิจิทัลทุกสกุลรวมกัน โดยมีผู้โหวตรวมกว่า 2.43 ล้านคน ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากว่าชาวทวิตเตอร์นิยมคริปโตหน้าชิบะมากกว่าเหรียญสกุลอื่น ๆ

161277339511

--------------------

อ้างอิง: Bloomberg, BBC, The Tie, Yahoo Finance