1150 ปี ‘อัล ฟารอบี’นักปรัชญาคาซัคสถาน

1150 ปี ‘อัล ฟารอบี’ นักวิทยาศาสตร์และนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของโลกชาวคาซัคสถาน ตำนานแห่งภูมิปัญญายุคกลาง
คาซัคสถาน ประเทศใหญ่อันดับ 9 ของโลกที่หลายคนมองว่า เป็นหนึ่งในผู้นำเอเชียกลาง มีความสัมพันธ์กับไทยมานาน 28 ปี เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรม ที่นี่เป็นบ้านเกิดของ “อาบู นาซีร์ อัล ฟารอบี” นักวิทยาศาสตร์และนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ตำนานแห่งภูมิปัญญายุคกลาง ที่เพิ่งครบวาระเฉลิมฉลอง 1150 ปีชาตกาลไปเมื่อปี 2563
“อาบู นาซีร์ อัล ฟารอบี” เกิดเมื่อปี 870 ในเมืองฟารับ (ปัจจุบันคือเมืองโอทราร์อันโด่งดัง) ตั้งอยู่ในจุดที่แม่น้ำเอริสรวมกับแม่น้ำ Syr Darya ไหลลงสู่ภูมิภาคโอทราร์ในคาซัคสถานตะวันออก
ระหว่างศตวรรษที่ 9 และ 10 เมืองโอทราร์เป็นศูนย์กลางการเมือง การค้า และวัฒนธรรม เป็นจุดรวมขบวนพ่อค้าบนเส้นทางสายไหมเชื่อมยุโรปยุคกลางเข้ากับเอเชีย อัล ฟารอบีใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้ถึงอายุ 20 ปี และได้องค์ความรู้หลักจากที่นี่ เขามีโอกาสได้รู้จักงานด้านปรัชญาและศาสนา จากห้องสมุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งในเวลานั้น (เชื่อกันว่ามีหนังสือและงานเขียนมากเป็นอันดับ 2 รองจากห้องสมุดอเล็กซานเดรีย) จากนั้นไปศึกษาและทำงานในเมืองบูคารา และซามาร์กันด์ (ปัจจุบันอยู่ในอุซเบกิสถาน) ทั้งยังอาศัยอยู่ในแบกแดดศูนย์กลางวัฒนธรรมและการเมืองของกาหลิบอาหรับเป็นเวลานาน
อัล ฟารอบี ใช้ชีวิตช่วงท้ายในไคโร อาเลปโป และดามัสกัส อย่างมีความสุข ก่อนจะเสียชีวิตลงในเดือน ธ.ค.ปี 950 ที่ดามัสกัสด้วยวัย 85 ปี นักปรัชญาผู้นี้ได้อ่านงานของอริสโตเติล เพลโต และนักปรัชญาโบราณคนอื่นๆ ในภาษาต้นฉบับ จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักปรัชญาแนวเหตุผลนิยมจัด (Peripatetic Philosophy) ในโลกตะวันออก และได้สมญาว่า “บรมครูคนที่ 2” ถัดจากอริสโตเติล
อัล ฟารอบีทิ้งมรดกทางวิทยาการให้คนรุ่นหลังจำนวนมหาศาล รวมถึงบทความราว 200 ชิ้นครอบคลุมความรู้หลากหลายสาขาผลงาน ต้นฉบับที่โด่งดังที่สุดได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราของอัล ฟารอบีได้แก่“The pearls of Wisdom”, “The Ideas of the Citizens of the Virtuous City”, “The Philosophical Treatises” และ“The Grand Book on Music” ซึ่งงานชิ้นหลังนี้ได้รับการแปลส่วนแรกเป็นภาษาฝรั่งเศส ทำให้เขามีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะในยุโรป
ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษากล่าวถึง “อัล ฟารอบี” ในเวทีประชุมนานาชาติ“The Contributions of Al-Farabi to the Modern World” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า
อัล ฟารอบีเป็นผู้ที่คำนึงถึงความยุติธรรม ความเสมอภาค ความสุขของมนุษย์ งานของเขาจึงพูดถึงความรู้สึกภายในที่เชื่อมโยงกับโลกภายนอก ได้รับการยอมรับจากนักคิดตะวันตกเพราะนำงานของนักปรัชญาชาวกรีกมาตีความ นำความรู้ทางอิสลามและความเป็นปรัชญาไปด้วยกันให้ได้
“พูดง่ายๆ คืองานของฟารอบีมีอิทธิพลต่อยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการของยุโรป รวมถึงนักคิดยุโรปหลายคนในยุคหลังที่มักพูดถึงเขาอยู่เสมอ”
ราอูชัน เยสบูลาโตวา เอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย กล่าวในเวทีเดียวกันว่า ความทันสมัยของอัตลักษณ์แห่งคาซัคสถาน ซึ่งดำเนินไปบนพื้นฐานอัตลักษณ์ของชาติ การรักษาผลประโยชน์ทางวัฒนธรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน และการเสริมสร้างรากฐานทางจิตวิญญาณของจิตสำนึกแห่งชาติ ล้วนอาศัยภูมิปัญญาของบรมครูคนที่ 2 ผู้นี้ การสอนของอัล ฟารอบีมีส่วนขยายพื้นที่ทางการศึกษาและการตื่นรู้ในสังคมคาซัคสถาน ปลูกฝังความรักชาติ ความสง่าผ่าเผยและพัฒนาการอันเหมาะสมของพลเมือง คาซัคสถานเคารพมรดกของอัล ฟารอบีอย่างยิ่ง ซึมซับคำสอนและรวบรวมความคิดของเขาไว้ในโครงการต่างๆ มากมาย







