‘ดาวโจนส์’พุ่ง 327 จุดขานรับคืบหน้าพัฒนาวัคซีนโควิด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (23พ.ย.)พุ่งขึ้น 327 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ความหวังเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เป็นตัวหนุนภาคต่างๆที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ อย่างเช่นภาคพลังงานและอุตสาหกรรม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 327.79 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 29,591.27 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 20.05 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 3,577.59 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 25.66 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 11,880.63 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานขยับขึ้นมากกว่า 6% ส่วนภาคอุตสาหกรรมและภาคการเงิน ปรับขึ้นมากกว่า 1% ความหวังเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เช่นเดียวกับข้อมูลที่เผยให้เห็นว่ากิจกรรมภาคธุรกิจรายเดือนขยายตัวในอัตราที่ร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี
ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และไบออนเทค (บีเอ็นที)ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) เมื่อวันศุกร์ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน
หากเอฟดีเออนุมัติ จะส่งผลให้ไฟเซอร์สามารถทยอยใช้วัคซีนดังกล่าวกับชาวอเมริกันกลุ่มต่างๆ โดยกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จะได้รับการฉีดวัคซีนก่อน ขณะที่กลุ่มผู้ให้บริการในภาคส่วนที่สำคัญ ครูอาจารย์ คนจรจัด และนักโทษในเรือนจำ จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มต่อไป ตามมาด้วยกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
ทั้งนี้ ไฟเซอร์นับเป็นบริษัทแรกที่ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ต่อ เอฟดีเอเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยบริษัทระบุว่า วัคซีนบีเอ็นที 162b2 มีประสิทธิภาพมากถึง 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งให้ผล 94.5%
ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า เปิดเผยในวันนี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดมีประสิทธิภาพ 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังจากที่บริษัทระบุว่าก่อนหน้านี้ว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่าวัคซีนมีค่าประสิทธิภาพเฉลี่ย 70%
นอกจากนี้ เอฟดีเอยังอนุมัติการใช้แอนติบอดีของ Regeneron ในการรักษาโรคโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยได้รับก่อนหน้านี้
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวยืนยันว่า เขาจะไม่ออกคำสั่งล็อกดาวน์สหรัฐทั้งประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
“ผมจะไม่สั่งชัตดาวน์เศรษฐกิจ แต่ผมจะชัตดาวน์ไวรัส ผมขอย้ำว่าจะไม่มีการชัตดาวน์ทั้งประเทศ” นายไบเดนกล่าว
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ยืนยันว่าจะไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 12 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 260,000 ราย