



ภาพยนตร์แอนิเมชันรามเกียรติ์ ตอนรามาวตาร เป็นสื่อสร้างการเรียนรู้อาเซียนในมิติทางวัฒนธรรม ผ่านภาพยนตร์ที่มีเค้าโครงเรื่องจากมหากาพย์รามายณะในศาสนาฮินดูของอินเดียที่ประเทศสมาชิกอาเซียนคุ้นเคยดี นำไปสู่ความร่วมมือ ต่อยอดคุณค่ามรดกทางวัมนธรรมในภูมิภาค
วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำทีมผู้กำกับภาพยนตร์มือหนึ่งของประเทศไทย จัดฉายหนังแอนิเมชันเรื่องรามเกียรติ์ ตอนรามาวตาร รอบพิเศษ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ของลาว โดยมุ่งหวังให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์และกระชับมิตรภาพกลุ่มประเทศอาเซียน ในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งมีขึ้นในปี 2562 ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน
นอกจากนั้นได้เชิญบ่อแสงคำ วงดาลา รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยวลาว เข้าร่วมเปิดงาน ตลอดจนเอกอัครราชทูตต่างประเทศ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศในลาว และประชาชนกว่า 1,000 คน ร่วมชมภาพยนตร์อย่างคับคั่ง
การจัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชันรามาวตาร เป็นหนึ่งในกิจกรรมตามที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ 8 ณ เมืองยอกยาการ์ตาของอินโดนีเซีย ได้ประกาศให้ปี 2562 เป็นปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันใช้มิติทางวัฒนธรรมอาเซียนเป็นสื่อส่งเสริมความเข้าใจ ตระหนักรู้ และภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของอาเซียน รวมทั้งสร้างความสามัคคี และเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รมว.วีระ เผยว่า ปีนี้ไทยเป็นประธานอาเซียนปี 2562 กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันรามาวตารจากจิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งมีความยาวกว่า 178 ห้องหรือประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นที่ตื่นตาประทับใจนักท่องเที่ยว นำมารังสรรค์เป็นภาพยนตร์รามาวตาร ในรูปแบบสื่อนวัตกรรมรูปแบบดิจิทัลเพื่อกระชับความสัมพันธ์และมิตรภาพในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้แน่นแฟ้น สมกับเป็นปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมเฉลิมฉลอง ในโอกาสที่ยูเนสโกประกาศขึ้นบัญชีโขนในประเทศไทยเป็นมรดกวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เมื่อปลายปี 2561
“การเผยแพร่ภาพยนตร์รามาวตารในครั้งนี้ เป็นการใช้วัฒนธรรมเป็นสื่อกลาง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวร่วมกัน รวมไปถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อย่างการส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุนระหว่างกัน รวมไปถึงการผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศสมาชิกอาเซียนก้าวเติบโตมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญเป็นการสร้างการตระหนัก รับรู้ และแสดงถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 และ 35 ในเดือนมิ.ย. และ พ.ย. 2562” รมว.วีระ กล่าว
ก่อนหน้านี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้นำภาพยนตร์ดังกล่าวไปฉายยังประเทศอินโดนีเซียแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกับลาว เพราะด้วยรากฐานทางวัฒนธรรมที่มีความคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ จะนำภาพยนตร์ไปฉายยังประเทศกัมพูชา เมียนมา และอินเดีย
ด้าน รมว.บ่อแสงคำ กล่าวว่า ลาวพร้อมให้ความร่วมมือกับไทย และร่วมเผยแพร่กิจกรรมในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ก็เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างชาติอาเซียนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ ยินดีให้ไทยนำภาพยนตร์แอนิเมชันรามเกียรติ์ไปฉายที่เมืองหลวงพระบาง สะหวันนะเขต และปากเซต่อไป
ขณะที่ เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ กล่าวว่า ประชาชนชาวลาวมีความนิยมฟังเพลง วิทยุ ดูทีวี หนังละครที่ผลิตโดยคนไทยผ่านทางออนไลน์ เป็นสื่อที่มีอิทธิพลทำให้คนลาวเรียนรู้ สามารถฟังและอ่านภาษาไทยอย่างคล่องแคล้ว ขณะเดียวกันข่าวสาร สินค้า แฟชั่นที่อยู่ในกระแสของประเทศไทยนั้น ก็ฮิตในหมู่คนลาวด้วย
นอกจากนี้ ชาวลาวยังชอบไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ของไทย โดยขณะนี้บริษัทเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้เข้ามาเปิดโรงภาพยนตร์ในลาว 3 แห่ง ได้แก่ เวียงจันทน์ เซ็นเตอร์ และไอเทคมอลล์ ในกรุงเวียงจันทน์ รวมทั้งเฟรนด์ชิป มอลล์ เมืองปากเซ อีกด้วย
"ละครและภาพยนตร์ไทยเกือบ 100% ที่ดังอยู่ในประเทศไทยก็จะไปติดกระแสในลาวด้วย โดยเฉพาะสื่อที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเทศเขา อย่างเรื่องสบายดีหลวงพระบาง นาคี หรือดอกคูณเสียงแคน นอกจากนี้ เพลง ดารา นักร้องคนไทยยังเป็นที่นิยมในหมู่คนลาว นี่เป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่ทรงอิทธิพล ช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดี และส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน" เอกอัครราชทูตไทย กล่าว
ด้าน อธิปัตย์ กมลเพ็ชร ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชันรามาวตาร กล่าวว่า ทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ศึกษาเนื้อหาเรื่องรามเกียรติ์ มานานกว่า 12 ปี และสกัดเนื้อหาเฉพาะที่กล่าวถึงการอวตารของพระนารายณ์เป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ ซึ่งใช้เวลาผลิตประมาณ 2 ปี ในการสร้างสรรค์เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่นำภาพตัวละครจากจิตรกรรมฝนผนังให้เกิดการเคลื่อนไหว มีชีวิต และแสดงอารมณ์เหมือนจริง เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงเนื้อหาสาระได้ง่ายขึ้น มีความสนุกสนาน เพลิดเพลินอย่างสอดคล้องกับยุคสมัย อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ และพัฒนามรดกภูมิปัญญา พร้อมนำส่งต่อให้กับรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
อย่างก็ตาม การจัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชั่นรามาวตารได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่ง โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะร่วมกับผู้ผลิตภาพยนตร์รามเกียรติ์ทำหนังภาคต่ออีก 2 ภาค ที่มีเนื้อหากล่าวถึงพระรามยกทัพรบกับทศกัณฐ์ และพระรามคืนสู่พระนคร นำออกฉายในปีหน้า




