“เยลเลน”เตือนแผนลดภาษีก่อหนี้ก้อนโตรัฐบาลสหรัฐ

“เยลเลน”เตือนแผนลดภาษีก่อหนี้ก้อนโตรัฐบาลสหรัฐ

ส่งผลรายจ่ายพุ่ง-รายได้หด พร้อมระบุปัญหาหนี้รุนแรงสูงสุดเมื่อชาวอเมริกันที่เกิดยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงวัยเกษียณ

นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับภาระหนี้มากเกินไป และปัญหาดังกล่าวจะเลวร้ายลงในอนาคต

“ถ้าดิฉันมีไม้กายสิทธิ์ ก็จะขึ้นภาษี และลดการใช้จ่ายของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวกับเงินบำเหน็จบำนาญ” นางเยลเลนกล่าว พร้อมกับแสดงความเห็นว่าทิศทางหนี้สหรัฐไม่มีความยั่งยืน

ทั้งนี้ สหรัฐ ขาดดุลงบประมาณ 7.79 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% ก่อนหน้านี้ ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี แต่รายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

นางเยลเลน  ระบุว่า ปัญหาหนี้ของรัฐบาลจะมีความรุนแรงมากขึ้น หากประชาชนที่เกิดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงวัยเกษียณ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายจ่ายเกี่ยวกับเงินบำเหน็จบำนาญและค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ นางเยลเลน ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากความหละหลวมของมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อในตลาด ซึ่งส่งผลตัวเลขหนี้สินภาคเอกชนในปัจจุบันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์

นางเยลเลน ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนลเซียล ไทมส์ ว่า “รู้สึกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในเชิงระบบที่เป็นผลมาจากเงินกู้เหล่านั้น เพราะมาตรฐานการปล่อยเงินกู้หละหลวมลงไปมาก ในขณะที่กฎระเบียบการปล่อยสินเชื่อก็ผ่อนคลายลง”