‘ไวลด์เอด’ ชี้ ‘ไทย-มาเก๊า’ ภัยคุกคามใหม่ฉลาม

‘ไวลด์เอด’ ชี้ ‘ไทย-มาเก๊า’ ภัยคุกคามใหม่ฉลาม

องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเผย ไทยและมาเก๊า เป็นภัยคุกคามใหม่สำหรับการอยู่รอดของฉลาม เหตุมีความต้องการบริโภคหูฉลามสูงขึ้น ช่วงที่จีนลดการบริโภคหูฉลามถึง 80% ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

รายงานล่าสุดขององค์กรไวลด์เอดที่มีชื่อว่า “ฉลามเผชิญวิกฤติ: ภัยคุกคามจากตลาดใหม่นอกจีนแผ่นดินใหญ่” พบว่า ฉลามกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ถูกล่า จากความต้องการบริโภคในตลาดใหม่นอกจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีแนวโน้มขยายตัว ซึ่งรวมถึงฮ่องกง มาเก๊า และไทย แม้รายงานของคณะทำงานอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่า และพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) เมื่อเดือนต.ค.2559 ระบุว่า ความต้องการบริโภคหูฉลามในจีนลดลงถึง 80% ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา

ตัวเลขการนำเข้าหูฉลาม และยอดขายหูฉลามในกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองกว่างโจว ลดลง 81% ระหว่างปี 2553-2557 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในจีนเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักให้ชาวจีนเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ฉลามมาตลอดหลายปี และการที่รัฐบาลจีนห้ามเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐเมื่อปี 2556

รายงานดังกล่าวชี้ว่า ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกหูฉลามแปรรูปรายใหญ่ของโลก และมีแนวโน้มที่ความต้องการภายใน ประเทศจะเพิ่มขึ้นเทศกาลตรุษจีนถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่อีกงานหนึ่งของไทย และเป็นเทศกาลที่นิยมบริโภคหูฉลาม

ผลสำรวจไวลด์เอดในปี 2560 พบว่า คนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองทั่วประเทศบริโภคหูฉลามอย่างแพร่หลาย และมีแนวโน้มที่ประเทศไทยจะเป็นตลาดสำคัญของการค้าหูฉลาม โดยคนไทย 57% เคยบริโภค หรือยังคงบริโภคหูฉลามตามโอกาสต่าง ๆ และที่น่าเป็นห่วงคือ คนไทย 61% ยังต้องการบริโภคหูฉลามในอนาคต โดยให้เหตุผล เพราะความอยากรู้อยากลอง และได้ยินมาว่าหูฉลามมีรสชาติดี ทั้งที่จริงแล้วหูฉลามไม่มีรสชาติ แต่มาจากน้ำซุปที่ผ่านการปรุงรส

นอกจากนั้นยังพบว่า งานรวมญาติเป็นหนึ่งในวาระโอกาสที่คนไทยบริโภคหูฉลามบ่อยครั้งที่สุด นอกจากนั้นคนไทย มีความตระหนักน้อยเรื่องผลกระทบจากการบริโภคหูฉลามต่อประชากรฉลามโลก

“ผมเชื่อว่าทุกคนอยากจะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการทำสิ่งดี ๆ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และเราหวังว่าการเลิกบริโภคหูฉลามจะเป็นสิ่งที่ทุกคนตั้งใจทำร่วมกันเพื่อปกป้องฉลามเพราะหยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า” นายปีเตอร์ ไนท์ส ผู้อำนวยการองค์กรไวลด์เอด กล่าว

ในแต่ละปี มีฉลามกว่า 100 ล้านตัวถูกฆ่า ในจำนวนนี้ครีบจากฉลามมากถึง 73 ล้านตัวถูกนำมาทำเป็น “ซุปหูฉลาม” ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ประชากรปลาฉลามบางสายพันธุ์ลดลงมากถึง 98% โดยภัยคุกคามหลักเกิดจากการค้าหูฉลามและความต้องการบริโภคหูฉลาม

“ฉลามมีบทบาทสำคัญในท้องทะเลที่ไม่เหมือนปลาอื่น ๆ ฉลามทำหน้าที่รักษาความสมดุลของมหาสมุทรที่เป็นบ้านของสัตว์ทะเล ควบคุมประชากรปลาและสัตว์ทะเลอื่นที่เป็นอาหารของมนุษย์ให้มีความสมดุลหากไม่มีฉลาม ระบบนิเวศอาจถูกทำลาย” นายไนท์ส เสริม

นอกจากนั้น ฉลามยังเผชิญกับภัยคุกคามอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการบริโภคเนื้อฉลามและชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น น้ำมันตับปลาฉลามที่ถูกนำมาใช้ในเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และการกล่าวอ้างสรรพคุณต่าง ๆ ทั้งที่ในความเป็นจริง การบริโภคครีบ และส่วนอื่น ๆ ของฉลาม เสี่ยงต่อการได้รับสารพิษที่สะสมอยู่ในตัวฉลามอย่างสารปรอทและแคดเมียม

หากร่างกายสะสมสารเหล่านี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง โรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท

นอกจากนั้น รายงานระบุว่า ฉลามหลายล้านตัวต่อปียังตกเป็นเหยื่อจากการทำประมงทูน่าเพื่อการพาณิชย์