ผลประกอบการบริษัทหนุนดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุด

ผลประกอบการบริษัทหนุนดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ (17ม.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส

บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้ว มีจำนวน 69% รายงานตัวเลขกำไร/หุ้นสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 85% รายงานกำไรสุทธิสูงกว่าคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 322.79 จุดหรือ 1.25 % ปิดที่ 26,115.65 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 26.14  จุดหรือ 0.94% ปิดที่ 2,802.56  จุดและดัชนีแนสแด็กบวก 74.59 จุดหรือ 1.03 %  ปิดที่ 7,298.28 จุด

แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า มีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไร 47 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 44 เซนต์/หุ้น แต่ธนาคารมีรายได้ 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์

ด้านโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า มีกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรที่ระดับ 5.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.91 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ ยังมีรายได้ 7.83 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.61 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง หลังธนาคารระบุว่า มูลค่าการซื้อขายในธุรกิจตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และปริวรรตเงินตรา ดิ่งลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้

ขณะที่ผลการสำรวจของอินเวสเตอร์ อินเทลลิเจนซ์ พบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนระดับมืออาชีพพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะทรุดตัวลงครั้งใหญ่ในปี 2530

ทั้งนี้ จำนวนนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยมองว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นต่อไป เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 66.7% ในการสำรวจล่าสุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2529

นอกจากนี้ จำนวนนักลงทุนที่ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้น ลดลงสู่ระดับ 12.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2529

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

เจ้าหน้าที่เฟด ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์

ขณะเดียวกัน เฟด รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 8.2% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2553

นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.8% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557

ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค