โศกนาฏกรรม “โรฮิงญา”

โศกนาฏกรรม “โรฮิงญา”

คลื่นมนุษย์ชาว ”โรฮิงญา” นับแสนอพยพหนีตายจากรัฐยะไข่สู่ชายแดนบังคลาเทศ

     กว่า 20 วันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ชาวโรฮิงญาทั้งเด็ก คนชรา คนหนุ่มสาว ที่อยู่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา ต้องอพยพหนีตาย ข้ามพรมแดนที่อยู่ติดกับบังคลาเทศ จากวันละร้อยคน เป็นวันละหลายหมื่นคน จนมีจำนวนเกือบ 400,000 คนในเวลานี้
    25 ส.ค.ที่ผ่านมาชาวโรฮิงญาต้องอพยพจำนวนมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ กองทัพปลดปล่อยอาระกันโรฮิงญา (อาร์ซา) หรือที่หลายคนเรียกพวกเขาว่ากลุ่มติดอาวุธ “โรฮิงญา” โจมตีค่ายทหาร สถานีตำรวจเมียนมา 30 แห่ง และทางการเมียนมาโต้กลับ ด้วยการกวาดล้างกลุ่มที่ทางการเรียกว่าเรียกว่า “ผู้ก่อการร้าย” เสียงปืนที่ดังอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทางการเมียนมา แถลงว่ามียอดผู้เสียชีวิต 400 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 50 คน และ”ผู้ก่อการร้าย” 350 คน
     หลายประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมายุติความรุนแรง ขณะที่ทางการเมียนมาเอง ก็ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในรัฐยะไข่นี้ ไม่ใช่การ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
รัฐยะไข่ มีชาวพุทธเป็นส่วนใหญ่ มีชาวมุสลิมโรฮิงญา มีประมาณ 1.1 ล้านคน กลุ่มนี้อยู่ในสถานะคนไร้รัฐ เข้าไม่ถึงบริการพื้นของของรัฐ มีความรุนแรงเกิดขึ้นในหมู่บ้านของชาวโรฮิงญาเป็นระยะ ๆ มานานหลายสิบปี มีการอพยพหนีตายมาหลายระลอก โดยเฉพาะการอพยพหนีผ่านชายแดนบังคลาเทศ จนค่ายอพยพชายแดนบังคลาเทศมีชาวโรฮิงญาอยู่แล้วหลายแสนคน
      ขณะที่ในท้องทะเลอันดามัน ก็มีคลื่นของเรือมนุษย์ชาวโรฮิงญา รอนแรนในท้องทะเลกว้าว เพื่อขึ้นฝั่งในไทย และมาเลเซีย โดยหวังว่าจะมีอนาคตใหม่ในประเทศที่สาม แต่ด้วยการอพยพที่ยากลำบาก ทำให้หลายคนเจ็บป่วย และเสียชีวิตระหว่างทาง ขณะที่บางส่วนกลายเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์