‘ไอเอส’ เริ่มเกณฑ์หญิงร่วมก่อการร้าย

รายงานชี้ การผงาดขึ้นของไอเอสและเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้บทบาทเพศหญิงในกลุ่มสุดโต่งเปลี่ยนแปลงไป
ผลการศึกษาจากสถาบันวิเคราะห์นโยบายด้านความขัดแย้ง (ไอแพค) ในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า การปรากฏขึ้นของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทำให้ทัศนะการมองบทบาทผู้หญิงของกลุ่มผู้มีแนวคิดสุดโต่งเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่มองว่า บทบาทหลักของพวกเธอคือภรรยา แม่ และครู แต่ตอนนี้ไอเอสปรารถนาใช้ผู้หญิงเป็นผู้ก่อการร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แนวคิดนี้เปลี่ยนแปลงไปจากนักรบกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยะห์ (เจไอ) เป็นอย่างมาก ผู้นำกลุ่มเจไอไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทสำคัญในเครือข่ายก่อการร้าย ยกเว้นภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ หรือเพื่อป้องกันตนเอง แต่เมื่อแอพพลิเคชันส่งข้อความเข้ารหัสลับผ่านโทรศัพท์มือถืออย่าง “เทเลแกรม” ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงอินโดนีเซีย ทั้งผู้ประกอบวิชาชีพและที่ไปทำงานเป็นแม่บ้านในต่างแดน เริ่มสนใจไอเอส
ตัวอย่างเช่น ไดแอน อดีตผู้ช่วยแม่บ้านทำงานในสิงคโปร์และไต้หวัน ซึ่งถูกจับก่อนถูกส่งตัวไปก่อเหตุหนึ่งวัน เล่าว่า เธอรู้จักแนวคิดสุดโต่งบนโซเชียลมีเดียครั้งแรกในปี 2557สอดคล้องกับนายบาห์รุน นาอิม นักรบจากอินโดนีเซียที่ร่วมรบกับไอเอสในซีเรีย เล่าว่า เขาเคยใช้เทเลแกรมสอนผู้หญิงคนหนึ่งให้ปฏิบัติการก่อการร้าย
นางสาวนาวา นูรานิยาห์ นักวิเคราะห์ของไอแพคผู้ศึกษาเรื่องผู้หญิงกับการก่อการร้าย กล่าวว่า การผสมผสานระหว่างไอเอสกับเทคโนโลยี ส่งผลให้ทัศนคติในการมองตนเองของผู้หญิงที่มีแนวคิดสุดโต่งเปลี่ยนแปลงไปมาก ไอเอสมอบภารกิจที่กว้างขวางมากขึ้นให้พวกเธอ ขณะที่โซเชียลมีเดียหลากรูปแบบช่วยให้พวกเธอแบ่งปันข้อมูล และเสริมสร้างแรงบันดาลใจของตนเอง
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะนักรบไอเอสในซีเรีย รวมทั้งนายบาห์รุน มองว่า ผู้หญิงมีประโยชน์สำหรับการก่อการร้าย เนื่องจากตกเป็นเป้าสนใจน้อยกว่า
นางสาวนาวาสรุปว่า ผู้นำในกลุ่มญิฮัดส่วนใหญ่ยังมองว่า ผู้หญิงเป็นสิงโตตัวเมียที่ต้องอยู่บ้านให้กำเนิดลูก แต่ชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงอินโดนีเซียบางคนกระหายจะต่อสู้ถึงแก่ชีวิต เพื่อพี่สาวน้องสาวของพวกเธอทั่วโลก
ไอแพคแนะนำว่า ควรทำรายงานเชิงลึกเร่งด่วนเรื่องผู้หญิงที่สนับสนุนไอเอส แหล่งข้อมูลชั้นดีคือผู้หญิงอินโดนีเซียหลายสิบคน ที่ถูกเนรเทศมาจากหลาย ๆ ที่ เช่น ตุรกี หลังพยายามเข้าไปซีเรียเพื่อร่วมรบกับไอเอส







