จับตาทิศทางแอ๊ปเปิ้ล หลัง'ทิม คุก'เปิดตัวเป็นเกย์

"ทิม คุก" เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก จากการเปิดเผยตัวตนว่าเป็นคนรักร่วมเพศ
หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ แอ๊ปเปิ้ล "นายทิม คุก" เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก จากการเปิดเผยตัวตนว่าเป็นคนรักร่วมเพศ ทั้งยังกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ภูมิใจที่เป็นเกย์ และคิดว่าการเป็นเกย์ เป็นหนึ่งในของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเขา
ที่ปรึกษา และนักวิเคราะ ห์ซึ่งติดตามวงการเทคโนโลยี และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทวิเคราะห์ตลาดเอนด์พอยท์ เทคโนโลยี แอสโซซิเอชัน "นายโรเจอร์ เคย์" บอกว่า การประกาศตัวว่าเป็นเกย์ของซีอีโอแอ๊ปเปิ้ล จะทำให้วัฒนธรรมรักร่วมเพศเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักมากขึ้น เพราะคนจำนวนมากที่เป็นเกย์จะกล้าเปิดเผยตัวตนมากขึ้น
ขณะที่ประธานกลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ส แคมเปญ "นายแชด กริฟฟิน " มองว่า การเปิดเผยรสนิยมทางเพศของนายคุก จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และช่วยชีวิตคนอีกจำนวนมาก เนื่องจากเขาเป็นแบบอย่างของหลายล้านคนทั่วโลก และเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถทำตามความฝันของตนเองได้ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็น หมอ วุฒิสมาชิก หรือแม้แต่ซีอีโอของแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม การประกาศต่อสาธารณะของซีอีโอแอ๊ปเปิ้ลว่า เป็นชาวรักร่วมเพศ อาจเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในสหรัฐ แต่พฤติกรรมดังกล่าว อาจถูกมองว่าเป็นความผิดปกติทางจิต หรือแม้แต่อาชญากรรมในหลายส่วนของโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการตลาดของบริษัทไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากรายได้ถึง 60% ของแอ๊ปเปิ้ลมาจากนอกทวีปอเมริกา
ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดเผยตัวตนครั้งนี้ อาจส่งผลต่อการเจรจากับรัฐบาลอิหร่าน เพื่อนำเข้าสินค้าของแอ๊ปเปิ้ลไปจำหน่ายในดินแดนนี้ เนื่องจากอิหร่านมีกฎหมายต่อต้านการรักร่วมเพศ ที่มีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ส่วนตะวันออกกลาง ซึ่งไม่ยอมรับรสนิยมทางเพศในเรื่องนี้เข้มข้นมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าของแอ๊ปเปิ้ล ที่เพิ่งจะเปิดตัวร้านค้าใหญ่ที่สุดในโลกในนครดูไบไป เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
รัสเซีย ก็เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ต้านพฤติกรรมรักร่วมเพศอย่างชัดเจน และเพิ่งประกาศใช้กฎหมายห้ามแสดงออกว่าเป็นชาวรักร่วมเพศในที่สาธารณะเมื่อไม่กี่ปีมานี้ จึงอาจทำให้ยอดขายไอโฟนได้รับผลกระทบด้วย โดยปีที่ผ่านมา ยอดขายโทรศัพท์ไอโฟนในประเทศนี้อยู่ที่ 1.6 ล้านเครื่อง
เช่นเดียวกับประเทศพี่เบิ้มในเอเชียอย่างจีน แม้การเป็นชาวรักร่วมเพศจะไม่ผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2540 แต่กฎหมายกลับระบุให้พฤติกรรมดังกล่าวเป็นความผิดปกติทางจิตเมื่อปี 2544 ขณะที่แอ๊ปเปิ้ลมีฐานผลิตโทรศัพท์ในประเทศนี้ และจีนยังเป็นลูกค้ารายสำคัญของแบรนด์แอ๊ปเปิ้ลด้วย
ประเด็นนี้ จุดชนวนทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมุมมองในด้านผลกระทบที่มีต่อธุรกิจของแอ๊ปเปิ้ลในอนาคตด้วย ก็คงต้องลุ้นกันว่า โลกในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารเดินทางเร็วมากและเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยกันแบบนี้ โลกของธุรกิจจะใจกว้างยอมรับผู้บริหารที่เป็นเกย์มากน้อยแค่ไหน







