ช่องว่างรวย-จน ปัญหาใหญ่รุมอินโดนีเซีย

ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในอินโดนีเซีย มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในอินโดนีเซีย มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากวิถีชีวิตที่แตกต่างระหว่างกลุ่มเศรษฐีใหม่กับคนยากจนในสลัมที่ดำรงชีวิตด้วยเงินเพียง 64 บาท
ไฮดี และวูหลั่น เพื่อนของเธอ เป็นสมาชิกกลุ่ม "อารีซัน" หรือชมรมสำหรับสุภาพสตรี ที่มีการเก็บรวบรวมเงินไว้ สำหรับวัตถุประสงค์ทางสังคม ซึ่งถือเป็นภาคส่วนที่มีลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยอย่างมากของประเทศ
ขณะที่วูหลั่น บอกว่า พวกเธอเก็บเงินจากสมาชิกทุกคนเป็นรายเดือน และจะผลัดกันจับฉลากเงินรางวัลเหล่านี้ โดยเธอเปรียบเทียบว่า เป็นเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร เพียงแต่ว่าชมรมของพวกเธอไม่ใช่ธนาคารเท่านั้นเอง โดยแต่ละเดือนเงินที่นำมาจับฉลากจะมีจำนวนแตกต่างกันไป ไล่ตั้งแต่ 1 ล้านรูเปียะห์ ไปจนถึงราว 100 ล้านรูเปียะห์
เรื่องราวดังกล่าว ถือเป็นโชคลาภอย่างมาก สำหรับประชาชนในประเทศ ที่มีค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำแค่เพียง 250 ดอลลาร์ หรือไม่ถึง 8,000 บาทต่อเดือน
แต่ขณะเดียวกัน การรวมตัวของผู้หญิงกลุ่มนี้ ที่ทั้งหมดมาจากครอบครัวร่ำรวยในอินโดนีเซีย ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างความยากจนที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมอินโดนีเซีย
ในงานระดมทุนช่วยเหลือเด็กกำพร้า"จาการ์ตา วิท เลิฟ" บรรดาสาวไฮโซต่างถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยโทรศัพท์มือถือราคาแพง บางคนตบแป้งแต่งตาทาปากที่เริ่มจางอีกหนึ่งรอบ ท่ามกลางสายตาฉงนฉงายของเด็ก ๆ ในงาน แต่ผู้หญิงพวกนี้มีสิ่งเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกคนแต่งตัวดี สวมรองเท้าราคาแพง และกระเป๋าถือสวยงาม สาวสังคมเหล่านี้ถือกระเป๋ารุ่นล่าสุดและแพงที่สุด มูลค่านับหมื่นดอลลาร์
การใช้จ่ายตามใจตัวเองแบบนี้ของเหล่าเศรษฐีอินโดนีเซีย ช่วยให้ธุรกิจอื่น ๆ เติบโต
ทินี อินทรา หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบัตเตอร์ฟลาย รีพับลิก และทำธุรกิจซื้อ ขาย ให้เช่ากระเป๋าแบรนด์เนมกลางกรุงจาการ์ตา เล่าว่า ผู้หญิงเหล่านี้คลั่งไคล้กระเป๋าแอร์เมส ชาแนล หลุยส์วิตตอง โดยเธอสามารถขายกระเป๋าได้ตั้งแต่ราคาใบละ 1,000 ดอลลาร์ไปจนถึง 6,000 ดอลลาร์ หรือ 50,000 ดอลลาร์ก็มี
อินทรา บอกว่า ความฟุ้งเฟ้อแบบนี้มีอยู่จริงในอินโดนีเซีย สำหรับผู้หญิงกลุ่มนี้กระเป๋าแบรนด์เนมไม่ใช่แค่สินค้าหรู แต่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะ เงินขนาดนี้ซื้อรถยนต์หรือบ้านขนาดย่อม ๆ ในจาการ์ตาได้เลย
เศรษฐีใหม่ของอินโดนีเซียส่งผลดีต่อธุรกิจหลายประเภท รวมทั้งผู้ผลิตรถสปอร์ตในตำนานอย่างลัมโบร์กีนี ซึ่งเปิดประตูเข้าสู่อินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2552 และตั้งแต่นั้นอินโดนีเซียก็กลายเป็นตลาดใหญ่อันดับสามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของรถหรูรายนี้
ในทางกลับกัน อีกหลายชีวิตในอินโดนีเซีย กลับดำรงอยู่ด้วยวิถีที่แตกต่าง เช่น โรห์มาอาศัยอยู่ในสลัมเล็ก ๆ ข้างทางรถไฟ ห่างจากร้านกระเป๋าแบรนด์เนมของทินี อินทราเพียงไม่กี่กิโลเมตร สลัมแบบนี้มีอยู่หลายร้อยแห่งในกรุงจาการ์ตา ซึ่งกระเป๋าใบที่มีราคาถูกที่สุดในร้านของทินี อาจใช้เลี้ยง 9 ชีวิตในครอบครัวของโรมาห์ได้ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ สองในสามของประชากรอินโดนีเซียดำรงชีวิตอยู่ด้วยเงินเพียง 2 ดอลลาร์ต่อวัน เข้าใกล้เส้นความยากจนอย่างยิ่ง จำนวนอภิมหาเศรษฐีของอินโดนีเซียอาจเพิ่มขึ้นก็จริง แต่นั่นย่อมหมายความว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนยิ่งกว้างมากขึ้นด้วย







