ครบ1ปีระเบิดบอสตันมาราธอน

ย้อนรอยเหตุระเบิดบอสตันมาราธอน ครบรอบ 1 ปี เมื่อวานนี้(15 เมษายน)
เมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี เหตุระเบิดบอสตันมาราธอน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายนปีที่แล้ว จากการที่มือระเบิดชาวเชชเนีย 2 พี่น้อง ถูกกล่าวหาว่า ลอบวางระเบิดใกล้กับเส้นชัยในการแข่งขัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 260 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าว นับเป็นการลอบวางระเบิดครั้งรุนแรงสุดบนแผ่นดินสหรัฐ นับแต่มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น หลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 และเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ผู้คนหลายพันคนพากันมารวมกลุ่มอยู่บนท้องถนน เพื่อชมรายการแข่งขันวิ่งมาราธอน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก
หลายวันหลังจากเกิดเหตุ มือระเบิดผู้เป็นพี่ชาย "เตมีร์ลัน ซานาเอฟ" เสียชีวิตจากการยิงต่อสู้กับตำรวจ ในขณะที่เขา และน้องชายพยายามที่จะหลบหนีออกจากนครบอสตัน ส่วนผู้ก่อเหตุคนน้อง "โจคาร์ ซาร์นาเอฟ" อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ในข้อหาต่างๆ ที่อาจทำให้เขาถูกประหารชีวิตได้ หากศาลตัดสินว่าเขามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง
ภาพวิดีโอที่จับเหตุการณ์ไว้ได้ แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่นักวิ่งหลายคนกำลังมุ่งหน้าไปยังเส้นชัยนั้น ก็เกิดเสียงระเบิด และกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังของผู้ที่มาชมการแข่งขัน เปลี่ยนเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง ให้กลายเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตกใจ และเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในทันที
รถพยาบาล รถดับเพลิง และรถตำรวจ หลายสิบคันเร่งรุดมายังที่เกิดขึ้น โดยผู้เสียชีวิตรวมถึงเด็กชายวัย 8 ขวบ และชาวจีนวัย 23 ปี โดยอัยการกล่าวหาพี่น้องซานาเอฟว่า ได้ยิงผู้เสียชีวิตรายที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รักษาความปลอดภัยภายในสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ วัย 27 ปี ที่ถูกยิงในอีกหลายวันต่อมา เพราะพยายามที่จะขโมยปืนของเขา ระหว่างพยายามหลบหนีออกจากเมือง
ระหว่างการดำเนินคดีกับนายซาร์นาเอฟผู้น้องในช่วงปีที่ผ่านมา รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ "นายเอริก โฮลเดอร์" เคยระบุว่า ลักษณะของพฤติกรรม และผลจากการกระทำของเขา ทำให้รัฐบาลจะขอให้ลงโทษประหารชีวิตเขา ท่าทีที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อชาวอเมริกันที่หวนนึกถึงความเจ็บปวดจากโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2544
นายซาร์นาเอฟ ไม่เคยรับสารภาพผิดตามข้อกล่าวหาของรัฐบาลกลาง 30 ข้อหา ในจำนวนนี้ 17 ข้อหามีความผิดรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต คาดว่าการพิจารณาคดีเต็มตัว จะเริ่มได้ในช่วงปลายปีนี้ และต้องใช้เวลาประมาณ 5 เดือนรับฟังคำให้การของผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ
แม้รัฐแมสซาชูเซตส์ ที่ตั้งของเมืองบอสตันได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปตั้งแต่ปี 2525 แต่นายซาร์นาเอฟถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง และในจำนวนผู้ต้องหาที่ต้องโทษประหารชีวิตของรัฐบาลกลางเกือบ 500 ราย มีเพียง 70 รายเท่านั้นที่ถูกประหารจริง หากนายซาร์นาเอฟถูกประหารชีวิตก็จะเป็นรายแรกนับตั้งแต่นายทิโมธี แมคเว ถูกประหารชีวิตเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 ข้อหาระเบิดอาคารที่ทำการรัฐบาลในเมืองโอคลาโฮมา
ทางด้านเจ้าหน้าที่บอสตัน ได้ออกมาให้คำมั่นเมื่อวันเสาร์ที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาว่า การกลับมาจัดการแข่งขันเป็นครั้งแรก หลังเกิดเหตุสลดขึ้นมานั้น ทางการจะพยายามสร้างสมดุล ระหว่างการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันก็จะทำให้การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งนี้ เต็มไปด้วยความสนุกสนานเหมือนที่เคยเป็นมา




