'พอกันที'เสียงมวลมหาปชช.จากไทยถึงยูเครน

'พอกันที'เสียงมวลมหาปชช.จากไทยถึงยูเครน

มีเสียงไถ่ถามจากชาวยูเครนบางคนถึงสถานการณ์ในบ้านเรา "ประชาชนใกล้จะชนะแล้วยัง?"

"พอกันที...เราต้องลุกขึ้นมาบอกกับนักการเมืองว่าพวกคุณหยุดได้แล้ว"

เป็นคำตอบของ "นาตาลี เวิร์นนีโฮรา" พนักงานสาวของโรงแรมห้าดาวกลางเมืองเคียฟที่ผันตัวเองมาเป็นนักเคลื่อนไหวการเมืองเมื่อถูกถามว่าคนไทยควรได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการชุมนุมของชาวยูเครนที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก

นาตาลีเป็นหนึ่งในจำนวนชาวยูเครนนับล้านๆ คนที่ออกมาร่วมเดินขบวนและชุมนุมต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ที่ถูกประณามว่าเป็นผู้นำรัฐบาลที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของยูเครน

เธอยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มวลชนชาวยูเครนที่ออกมาชุมนุมตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ช่วยระดมผู้คนจากภาคส่วนต่างๆ มาร่วมเคลื่อนไหว หลังเลิกงานเธอยังช่วยในงานครัวของผู้ชุมนุม หรือไม่ก็ร่วมกับเพื่อนฝูงเตรียมอาหารจากบ้านมาเลี้ยงดูมวลชน

"จัตุรัสไมดาน" ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวยูเครน เหมือนกับที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมักเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวทางการเมืองของบ้านเรา เป็นเวลาเกือบห้าเดือนแล้วที่ชาวยูเครนยังปักหลักชุมนุมที่จัตุรัสแห่งนี้ ถึงแม้ประธานาธิบดียานูโควิชจะถูกบีบออกจากตำแหน่ง และเผ่นไปกบดานในดินแดนภายใต้อิทธิพลของรัสเซียตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.แล้วก็ตาม

วันที่ผมและทีมงานจาก "เนชั่นทีวี" เดินทางมาสำรวจจัตุรัสไมดาน เรายังสัมผัสได้ถึงอารมณ์และความมุ่งมั่นของชาวยูเครนที่ยอมอดทนกับอากาศที่หนาวเหน็บ (ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับอากาศที่บางวันลดลงมาถึง -20 องศา)

"เรามีความหวัง และเราเชื่อว่าเราจะเปลี่ยนแปลงยูเครนให้ดีขึ้นได้" ชายหนุ่มในชุดทหารลายพรางประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจ ท่ามกลางเสียงเพลงปลุกใจจากเวที

เขาเป็นหนึ่งในหมู่คนหนุ่มหลายหมื่นคนที่เข้าร่วมกับทหารกองหนุนที่รัฐบาลยูเครนเร่งรีบจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์เผชิญหน้าทางทหารกับรัสเซีย

สถานการณ์ในยูเครนซับซ้อนและตึงเครียดมากยิ่งขึ้น หลังรัสเซียส่งทหารเข้าไปยึดคาบสมุทรไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของยูเครน และเป็นเมืองหน้าด่านสู่ "ทะเลดำ" ของกองทัพเรือรัสเซีย ตามมาด้วยการลงประชามติแยกตัวออกจากยูเครนเพื่อไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทำให้การชุมนุมที่จัตุรัสไมดานมีความเข้มข้นด้วยเลือดรักชาติมากยิ่งขึ้น

เราคงอดไม่ได้ที่จะหาความเหมือนระหว่างการชุมนุมที่จัตุรัสไมดานกับการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในบ้านเรา เพราะทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ถึงแม้จะมีปัจจัยและความซับซ้อนที่ต่างกัน แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายการชุมนุมในเคียฟและกรุงเทพฯ มีความใกล้เคียงกันมาก

ผมและทีมงานได้ยินเสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองจากผู้ชุมนุมกลางจัตุรัสไมดาน เหมือนกับที่ได้ยินจากมวลมหาประชาชนในกรุงเทพฯ ทุกคนที่ผมพูดคุยด้วยมีความเห็นตรงกันว่าตั้งแต่ยูเครนเป็นเอกราชจากสหภาพโซเวียตในปี 2534 นักการเมืองไม่เคยทำอะไรเพื่อประเทศชาติ ทุกอย่างทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง

ความโกรธแค้นของชาวยูเครนพุ่งเป้าไปที่ประธานาธิบดียานูโควิช ผู้ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการคอร์รัปชันที่ระบาดไปทั่วทุกหัวระแหง ถ้าชาวยูเครนรู้คำว่า "โคตรโกง" ก็คงใช้คำนี้ไปแล้วเวลาพูดถึงอดีตผู้นำคนนี้

และเหมือนจะหยิบยืมคำพูดมาจากเวทีต่อต้านรัฐบาลของไทยเลยทีเดียว เมื่อผู้ชุมนุมที่จัตุรัสไมดานประกาศก้องว่าต้องการเห็นการเมืองใหม่ที่ประชาชนมาก่อนผลประโยชน์ทางการเมือง

ถึงแม้ชาวยูเครนจะได้ชัยชนะด้วยการโค่นยานูโควิชลงไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยอมรับว่าการต่อสู้ยังไม่จบ และที่ยังมาชุมนุมอยู่กันทุกวันนี้ก็เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าประชาชนจะไม่ยอมให้นักการเมืองเป็นคนผูกขาดการกำหนดอนาคตทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา

"เราต้องชุมนุมต่อไปเพื่อให้นักการเมืองรับรู้ว่าประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง" ผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งบอกกับเรา

การต่อสู้ทางการเมืองทุกครั้งจะต้องมีจุดหักเหหรือสถานการณ์ที่เป็นตัวเร่ง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์พยายามผลักดันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนไทยต้องออกมาตามท้องถนน เหมือนกับที่ชาวยูเครนต้องลุกขึ้นมาขับไล่ประธานาธิบดียานูโควิชที่ฝืนความรู้สึกของประชาชนด้วยการหันหลังให้สภาพยุโรป และยอมสวามิภักดิ์ทางด้านเศรษฐกิจต่อรัสเซีย

ถึงแม้น้อยคนนักที่จัตุรัสไมดานจะรู้จักประเทศไทย แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเสียงไถ่ถามจากชาวยูเครนบางคนถึงสถานการณ์ในบ้านเรา "ประชาชนใกล้จะชนะแล้วยัง?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามผมเมื่อรู้ว่าเรามาจากไหน

มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะเปรียบเทียบความเหมือนระหว่างการต่อสู้ของประชาชนในสองประเทศนี้ เพราะสาเหตุและปัจจัยและเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างแน่นอนก็คือ "มวลมหาประชาชน" ของประเทศไทยและยูเครน ได้ลุกขึ้นมาแล้วเพื่อตะโกนว่า "พอกันทีสำหรับนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวและขี้โกง"