'ศรแดง' ชูเมล็ดพันธุ์ลูกผสม

'ศรแดง' ชูเมล็ดพันธุ์ลูกผสม

"ศรแดง" ชูเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ลูกผสมตอบโจทย์เกษตรกรอาเซียน หนุนพันธกิจ 'ซีดฮับ' อาเซียน

การส่งออกเมล็ดพันธุ์ตามเป้าหมายของรัฐบาลอยู่ที่ 8 พันล้านบาทภายในปี 2558 ถือเป็นพันธกิจของ "อีสท์ เวสท์ ซีด" ที่จะร่วมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ (Seed Hub) แห่งอาเซียน

บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์พืชเขตร้อนชื้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมสนับสนุนการนำประเทศไทยสู่ "ซีดฮับ" ในภูมิภาค ชูเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ลูกผสมตอบโจทย์เกษตรกรอาเซียน ยกตัวอย่างความสำเร็จจากเมล็ดพันธุ์พริกลูกผสม "ซูเปอร์ฮอต" ยอดจำหน่ายประมาณ 1 พันกิโลกรัม ให้ผลผลิตสดประมาณ 60 ล้านกิโลกรัม สร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 3 พันล้านบาท และข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสม ยอดจำหน่ายกว่า 300 ตัน ให้ผลผลิต 3.6 แสนตัน คิดเป็นรายได้เกษตรกร 2.5 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ตราศรแดง เข้าทำตลาดในประเทศอาเซียนทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนามและไทย ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในขณะเดียวกันก็ทำตลาดในศรีลังกาและพม่า ทั้งยังมีแผนการขยายตลาดไปยังอินเดีย จีน ละตินอเมริกา อเมริกาใต้ และแอฟริกา

นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไปบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ตราศรแดง กล่าวว่า การเปิดเออีซีถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ ทุกประเทศในภูมิภาคมองว่า ไทยจะเป็นซีดฮับอย่างแน่นอน ด้วยศักยภาพการผลิตและนวัตกรรม ซึ่งศรแดงก็มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ของไทย

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีจุดอ่อนในกฎหมายข้อบังคับด้านพันธุ์พืชและทรัพย์สินทางปัญญาที่ไทยยังล้าสมัย ซึ่งเกิดเป็นข้อจำกัดให้กับอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ รัฐบาลจำเป็นต้องยกเครื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การปกป้องพันธุ์พืช หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ก็อาจจะลดข้อจำกัดได้ และทำให้เอกชนไทยในอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ที่มีความพร้อมสำหรับการเข้าสู่เออีซีสามารถเดินหน้าไปแบบก้าวกระโดด

"เมื่อกฎหมายทันสมัยขึ้น อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชของไทยก็จะเข้มแข็ง พร้อมก้าวสู่ตลาดอาเซียนรวมถึงตลาดโลกอย่างเต็มกำลัง"ผู้จัดการทั่วไปบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัดกล่าว

@ นวัตกรรมตอบโจทย์ตลาด

เมล็ดพันธุ์พืชเป็นธุรกิจที่อยู่คู่ประเทศเกษตรกรรม ในขณะที่พื้นที่เกษตรกรรมมีแนวโน้มที่จะลดลงเช่นเดียวกับจำนวนเกษตรกร เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำการเกษตร ดังนั้น ความท้าทายของบริษัทผู้ผลิตก็คือ การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่มผลผลิตต่อไร่ การต้านทานโรค และการให้ผลผลิตเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตในช่วงที่สินค้ามีน้อย ความต้องการสูง ส่งผลให้ราคาขายสูงตาม

อีสท์ เวสท์ ซีด เติบโตบนฐานด้านการวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ โดยจัดตั้งสถานีค้นคว้าวิจัยในไทยเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย และจีน ทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมเมล็ดพันธุ์ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ได้

นายประเสริฐ ก้องเกียรติงาม ผู้จัดการทั่วไปและผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท ฮอทิเจนเนติคส์ รีเสิร์ช (เอส.อี.เอเชีย) จำกัด หรือ HGR ของ อีสท์ เวสท์ ซีด กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยและพัฒนามุ่งเน้นการพัฒนาพันธุ์ผัก ตอบโจทย์ลูกค้าหลัก 3 กลุ่ม คือ ผู้บริโภค, เกษตรกรและอุตสาหกรรมแปรรูป

กลุ่มผู้บริโภคต้องการพืชผักที่หลากหลาย มีคุณภาพ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก คุณภาพดีทั้งรสชาติและสีสัน ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในขณะที่เกษตรกรต้องการพืชผักที่ให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด และต้านทานศัตรูพืช ส่วนอุตสาหกรรมแปรรูปต้องการผลผลิตที่ตรงความต้องการของตลาด มีความสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตสูงและต้านทานแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ

"เรามีเทคโนโลยีในการปรับปรุงพันธุ์พืชหลักๆ คือ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อสร้างพ่อแม่พันธุ์แท้อย่างรวดเร็ว, การใช้เครื่องหมายโมเลกุล หรือ DNA marker-assisted selection เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีลักษณะตามต้องการได้แม่นยำและรวดเร็ว และเทคนิคการคัดเลือกความต้านทานโรคโดยเทคนิคทางโรคพืชที่แม่นยำในระยะต้นกล้า ทำให้สามารถสร้างสายพันธุ์ผสมที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด" นายประเสริฐอธิบาย

@ เมล็ดพันธุ์ทันโลก

ตราศรแดงได้วิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างพันธุ์พืชใหม่กว่า 30 ชนิด อาทิ พริกรูปหัวใจ มะระรูปหัวใจ พริกซูเปอร์ฮอต 4 สี แตงคากิ แตงกวาหอม ฟักทองถุงทองและถั่วฝักยาวสีม่วง เป็นต้น ในปี 2556 จะมีเมล็ดพันธุ์พืชใหม่ที่เป็นสายพันธุ์ลูกผสม 6 ชนิดออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกร 5-6 ชนิดต่อปี

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศระบุว่า ประเทศไทยอยู่ใน 15 อันดับสูงสุดของผู้ส่งออกอาหารที่ใหญ่สุดในโลก มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี การส่งออกพืชผักแปรรูปในปี 2556 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีที่แล้วประมาณร้อยละ 10 โดยตลาดใหญ่ได้แก่ จีน ฮ่องกง เวียดนาม ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา

ผู้บริหาร อีสท์ เวสท์ ซีด กล่าวอีกว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก เนื่องจากรายได้ประชากรที่เพิ่มขึ้น และกระแสผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ แต่ข้อมูลจากองค์การอาหารระหว่างประเทศระบุถึงปริมาณการบริโภคผักในภูมิภาคนี้มีเพียง 50-60 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่ประเทศกลุ่มยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มีอัตราการบริโภคผัก 100-200 กิโลกรัมต่อคนต่อปี

"แม้ตลาดเมล็ดพันธุ์พืชในแต่ละประเทศจะมีความต้องการแตกต่างกัน แต่ อีสท์ เวสท์ ซีด มีสถานีค้นคว้าวิจัยในหลายประเทศที่จะพัฒนาตอบโจทย์ได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งมีความพร้อมด้านการผลิตจากแหล่งผลิตทั่วประเทศ ทั้งยังมีเกษตรกรเข้าร่วมเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์กว่า 1,700 ราย นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีเทคโนโลยีทันสมัยและเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์พืชของเอกชนรายแรกในไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ (International Seed Testing Association: ISTA) จึงเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะไปสู่การเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์แห่งเออีซี" นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติม