'ศาสนา'กับการเลือกตั้งในมาเลเซีย

'ศาสนา'กับการเลือกตั้งในมาเลเซีย

เลือกตั้งมาเลเซียกำลังเจอกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่สูสีที่สุดในรอบ 56 ปี องค์กรทางศาสนาเชื้อเชิญให้ผู้มีจิตศรัทธาใช้คะแนนเสียงอย่างฉลาด

คณะกรรมการโบสถ์แห่งมาเลเซียและศูนย์วิจัยคาทอลิกได้ผลิตคลิปวิดีโอเพื่อเรียกร้องให้ชาวคริสเตียนทุกคนลงคะแนนเสียงโดยคำนึงถึงหน้าที่ทางด้านศีลธรรมเพื่อเลือกผู้นำที่ซื่อสัตย์ ไม่คดโกง และเคารพเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยชาวคริสเตียนมีสัดส่วน 9.5% ของประชากรทั้งหมด 28 ล้านคนของมาเลเซีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สามารถมีผลว่าใครจะชนะหรือแพ้ ถ้าหากผลลัพธ์ออกมาสูสีกัน

นายเฮอร์มัน ชาสตรี เลขาธิการของคณะกรรมการโบสถ์แห่งมาเลเซีย เผยว่าสิ่งนี้ไม่ใช่การเข้าไปข้องเกี่ยวกับการเมืองด้วยเรื่องทางการเมือง แต่เป็นการเข้าไปข้องเกี่ยวเพื่อสร้างสังคมที่ดี และคัดสรรนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ น่าเชื่อถือ

ชาวคริสเตียนในประเทศมาเลเซียที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสาอิสลาม เริ่มแสดงจุดยืนทางศาสนาของตัวเองมากขึ้นหลังมีโบสถ์หลายแห่งถูกทำลายเมื่อปี 2553 และพระคัมภีร์ไบเบิลภาษามลายูที่นำเข้ามาประมาณ 35,000 เล่มได้ถูกยึดจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรไปเมื่อปี 2552

โดยการถกเถียงทางศาสนาได้ก่อตัวมาจากความสำเร็จของหนังสือพิมพ์คาทอลิกภาษามลายู ที่ชนะคดีในศาลเพื่อให้รัฐบาลล้มเลิกการห้ามใช้คำว่า "พระอัลเลาะห์" เพื่ออธิบายถึงพระเจ้าของชาวคริสเตียนในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพิมพ์ภาษามลายู

นายลอร์เรนซ์ แอนดรูว์ บรรณาธิการของเดอะ เฮอรัลด์ หนังสือพิมพ์คาทอลิกฉบับหนึ่ง เปิดใจว่า ถ้าบุคคลอื่นสามารถใช้คำว่า "อัลเลาะห์" ได้ ชาวมุสลิมเองอาจจะเกิดอาการงุนงง และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาชาวมุสลิมเปลี่ยนศาสนา เนื่องจากรัฐบาลเกรงว่าถ้าสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น การตีความหมายของคำว่า ชาวมาเลย์ และรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะถูกท้าทายในทันที

ข้อถกเถียงถึงการใช้คำว่า พระอัลเลาะห์ ในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับภาษามลายู จะเข้าสู่ชั้นศาลอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ความขัดแย้งดังกล่าวได้สร้างความร้าวฉานระหว่างชาวคริสเตียนและชุมชนชาวมาเลเซีย เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้น

ทั้งนี้ ชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาอื่นๆ คิดเป็น 40% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 13.3 ล้านคน อาจจะสร้างความหวั่นวิตกให้แก่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซักและรัฐบาลผสมแนวร่วมแห่งชาติ ภายใต้การนำของพรรคสหมาเลย์ (อัมโน) ที่ปกครองมาเลเซียมาตั้งแต่ได้รับอิสรภาพ เพราะรัฐบาลผสมดังกล่าวที่แกนนำส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนั้นมีที่นั่งลดลงในสนามเลือกตั้งเมื่อปี 2551 เนื่องจากไม่ได้รับคะแนนเสียงของคนที่ไม่ใช่เชื้อสายมลายู

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลผสมของนายนาจิบอาจไม่ได้รับคะแนนเสียงจากบุคคลที่ไม่นับถือศาสนาอิสลามในคราวนี้ รัฐบาลผสมของเขาก็ยังสามารถเป็นรัฐบาลต่อไปได้ แต่ภาวะความเป็นผู้นำและสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายนาจิบจะถูกตั้งคำถามจากพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน