เอเชียแปซิฟิกเผชิญวิกฤติน้ำ

เอเชียแปซิฟิกเผชิญวิกฤติน้ำ

เอดีบีเผยประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 75% เผชิญวิกฤตการณ์น้ำในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับปรุงการบริหารจัดการทรัพยากร

นายพินธุ โลหะนี รองประธานฝ่ายการพัฒนาที่ยั่งยืน ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหรือเอดีบี กล่าววันนี้ (13 มี.ค.) ว่า แม้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้นนั้น แต่ก็มีสัญญานเตือนว่าประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้ไม่มีความมั่นคงด้านน้ำ

รายงานการพัฒนาน้ำในเอเชียปี 2556 ประเมินว่า 37 ประเทศใน 49 ประเทศมีความมั่นคงด้านน้ำอยู่ในระดับต่ำ ทั้งยังขาดมาตรการเพื่อจัดการกับปัญหา มีเพียง 12 ประเทศที่สร้างสาธารณูปโภคและระบบการจัดการเพื่อความมั่้นคงด้านน้ำ แต่ไม่พบว่ามีประเทศใดในภุูมิภาคที่มีความมั่นคงด้านน้ำในระดับสูงสุด

สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอยู่ในเอเชียใต้กับบางส่วนของเอเชียกลางและเอเชียตะวันตก ซึ่งมีปัญหาด้านแหล่งน้ำ ขณะที่หมู่เกาะแปซิฟิกมีปัญหาการเข้าถึงน้ำประปาที่ปลอดภัยและสุขาภิบาลที่ดี ทั้งยังเสี่ยงสูงต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนครัวเรือนในเอเชียและแปซิฟิกกว่า 60% มีชีวิตอยู่โดยปราศจากน้ำประปาที่สะอาดและสุขาภิบาลที่ดี

รายงานของเอดีบี ระบุว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องลงทุน 1.3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับจัดหาแหล่งน้ำและปรับปรุงระบบสุขาภิบาล เงินลงทุนทุกๆ หนึ่งดอลลาร์จะให้ผลตอบแทน 5-46 ดอลลาร์ในแง่ของการลดต้นทุนดูแลสุขภาพและเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจ ประเทศทั้งหลายจึงควรลงทุนในระบบ "การลดขยะ ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่" เพื่อทำให้การใช้ทรัพยากรน้ำ ระบบสุขาภิบาล และสาธารณูปโภคอื่นดีขึ้น รวมทั้งระดมทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อทำความสะอาดแม่น้ำ และปรับระบบชลประทานให้ทันสมัย

นายเอียน เมคิน ผู้เชี่ยวชาญทรัพยากรน้ำจากเอดีบี แนะนำว่า รัฐบาลต้องมีโครงการรณรงค์เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนต่อสถานการณ์เลวร้ายจากการขาดแคลนน้ำ ทั้งยังย้ำถึงความจำเป็นสำหรับรัฐบาลที่จะต้องสนใจเรื่องปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบทวีคูณจนกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคงด้านน้ำ เพราะหากน้ำเสียจะทำให้ต้นทุนทุกอย่างแพงขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของผลกระทบทางเศรษฐกิจ สุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งระบบนิเวศ