'เวิน เจียเป่า' กับสุนทรพจน์สั่งลา

'เวิน เจียเป่า' กับสุนทรพจน์สั่งลา

"เวิน เจียเป่า" กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้าย หลังจากดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจมา 10 ปี แต่ไม่สามารถลดช่องว่างรวย-จน

นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าแห่งจีน กล่าวสุนทรพจน์สำคัญครั้งสุดท้าย หลังจากบริหารประเทศมา 10 ปี ซึ่งความสำเร็จของจีนในช่วงที่เขาอยู่ในอำนาจนั้น มีอย่างเช่นการส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์อวกาศขึ้นสู่วงโคจรเป็นครั้งแรก การพัฒนาเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงขนาดใหญ่ที่สุดของโลก การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กองทัพ และการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 2551

ในช่วงที่นายกฯเวินบริหารประเทศนั้น เศรษฐกิจจีนขยายตัวมากกว่า 10% เป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก

แต่สถิติอย่างเป็นทางการสะท้อนว่าความไม่เท่าเทียมกัน มีมากขึ้น ทั้งที่นายเวินรับปากว่าจะลดช่องว่างด้านรายได้ระหว่างเมืองใหญ่ๆ กับชนบท นอกจากนั้น นายเวินยังไม่สามารถแปลงโฉมรูปแบบการเติบโตของประเทศ ซึ่งชะลอตัวลงในระยะหลัง และนักวิเคราะห์ชี้ว่าเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกมากเกินไป

นายเวินเริ่มต้นอาชีพการงานด้วยการเป็นนักธรณีวิทยาตามมณฑลทางตะวันตกของประเทศ จากนั้นก็ไต่เต้าขึ้นมาในพรรคการเมือง จนเป็นหน้าตาของรัฐบาล

เวินซึ่งมีท่าทีติดดิน ได้บ่มเพาะภาพลักษณ์ความเป็นขวัญใจประชาชน ทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมเมื่อครั้งไปให้กำลังใจผู้ประสบภัยพิบัติและรับเด็กมาอุ้มอย่างไม่ถือสา

เวินซึ่งวัย 70 ถูกมองว่าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีแนวคิดเสรีนิยม ทั้งยังเป็นผู้อยู่ในความอุปถัมภ์ของนายหู เย่าปัง นักปฏิรูปตัวยงที่เสียชีวิตเมื่อปี 2532 และจุดชนวนการประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมิน การขึ้นสู่ตำแหน่งของหูก่อให้เกิดความหวังว่าจะมีการปฏิรูปการเมืองในจีน และเขาเองก็เคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติโดยพูดถึงความต้องการของประชาชน พร้อมระบุว่าความต้องการประชาธิปไตย และเสรีภาพ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถต้านทานได้

แต่คำพูดเหล่านี้ตีความได้หลายความหมายในจีน และเจ้าหน้าที่หลายคนของพรรคคอมนิวนิสต์ก็มักมองว่าประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่เหมาะสมกับจีน

สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ช่วงที่เวินเป็นนายกฯ การปฏิรูปไม่ค่อยคืบหน้ามากนัก เพราะรัฐบาลทุ่มความสนใจไปกับการปราบปรามผู้มีความเห็นตรงข้าม และเข้มงวดการควบคุมอินเทอร์เน็ตขณะที่ประชากรออนไลน์ของจีนเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนมากที่สุดในโลก

จากนั้นในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์เสื่อมเสียจากเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชัน ปรากฏว่าชื่อเสียงของเวินก็ด่างพร้อยไปด้วยจากข่าวที่ว่าครอบครัวของเขากอบโกยทรัพย์สินไปมหาศาล คิดเป็นมูลค่า 2,700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในเวลาต่อมาครอบครัวของเขาได้ปฏิเสธว่ารายงานข่าวนี้ไม่เป็นความจริง

ในการกล่าวสุนทรพจน์เพื่อเปิดการประชุมสมัชชาประชาชนแห่งชาติประจำปีนี้ สุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายของเวินมีความยาว 1 ชั่วโมง 40 นาที เริ่มจากการบรรยายถึงความสำเร็จในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ 7.5% และรับปากจะปราบปรามการคอร์รัปชัน รวมถึงปรับปรุงคุณภาพชีวิต

อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 13 ปีโดยเติบโต 7.8% เมื่อปี 2555 ส่วนเป้าหมายเงินเฟ้อกำหนดอยู่ที่ 3.5% หลังจากเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 2.6%

นอกจากนั้น นายเวินยังรับปากจะปกป้องความเป็นปึกแผ่นด้านดินแดนของจีน อันสอดคล้องกับรัฐบาลที่ประกาศเพิ่มการใช้จ่ายทางทหาร 10.7% เป็น 720,200 ล้านหยวน เพื่อปรับปรุงกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดให้มีความทันสมัย ท่ามกลางความตึงเครียดที่มากขึ้น

การประชุมของสมัชชาประชาชนแห่งชาติ กินเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ และท้ายที่สุดจะมีการส่งมอบอำนาจให้นายหลี่ เค่อเฉียงขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่ต่อจากนายเวิน พร้อมแต่งตั้งนายสี จิ้นผิง ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทนนายหู จิ่นเทา