หลากประสบการณ์ นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ติด‘น้ำท่วมหาดใหญ่’

รอนนี โต๋ห์ ชายสิงคโปร์ วัย 74 ปี ขับรถมาเที่ยวประเทศไทย แต่ต้องกลายเป็นบททดสอบอันแสนทรมานจากน้ำท่วมหาดใหญ่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่เผชิญประสบการณ์แบบเดียวกัน
ทริปนี้เกิดขึ้นในเวลาที่ภาคใต้ของไทยน้ำท่วมหนักสุด(น้ำท่วมหาดใหญ่)ในรอบหลายปี ฝนตกต่อเนื่องหลายวันระดับน้ำในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเพิ่มสูง ถนนสายหลักถูกตัดขาด ไฟฟ้าและน้ำประปาไม่มี ทางการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ รอนนีพลัดพรากจากครอบครัวและติดต่อไม่ได้
เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชีย (ซีเอ็นเอ) ของสิงคโปร์ รายงานคำบอกเล่าของวินเซนต์ โต๋ห์ วัย 50 ปี บุตรชายของรอนนี เมื่อวันอังคาร (25 พ.ย.) ว่า เหตุเกิดเมื่อรอนนีออกจากโรงแรมที่พักเดินไปยังศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่ห่างจากโรงแรมเดินเพียงแค่เจ็ดนาที เพื่อออกไปหาสัญญาณโทรศัพท์ จากนั้นฝนก็ตกหนักกว่าเดิม
“พ่อพบว่าสถานการณ์เริ่มเปลี่ยน คนในห้างตื่นตระหนกมากขึ้น” วินเซนต์เล่า เขาไม่ได้ไปเที่ยววันหยุดกับพ่อ
เมื่อน้ำสูงระดับเอวพ่อติดต่อกับครอบครัวผ่านเฟซบุ๊ก ถามว่าจะให้กลับโรงแรมหรือไม่
“เราขอให้เขาอยู่ในห้างก่อน เพราะเดินมามันอันตราย พ่อบอกเราว่า ดูเหมือนน้ำขึ้นค่อนข้างเร็ว”
แต่ด้วยความกังวลเรื่องการขาดแคลนอาหาร น้ำ และไม่มีคนคุ้นเคยอยู่ด้วย พ่อจึงตัดสินใจออกจากห้างเดินกลับโรงแรม ระดับน้ำที่สูงขึ้นทำให้พ่อต้องปีนไปหลบที่ร้านขายของที่ระลึกร้านหนึ่ง
“ถึงตอนนี้น้ำสูงท่วมหัว เผลอๆ สูงกว่าชั้นหนึ่ง” ภายในเวลา 17.00 น. วันจันทร์ (24 พ.ย.) โทรศัพท์ของรอนนีแบตเตอรี่หมด ครอบครัวของเขาทั้งในหาดใหญ่และสิงคโปร์ติดต่อไม่ได้
วินเซนต์เล่าว่า สถานการณ์ “เลวร้ายมาก”
“มันเริ่มมืดแล้ว และไม่มีใครรับสายเลย เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน” วินเซนต์รีบขอให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงติดต่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจไทย แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่มีข้อมูลอัพเดต
ราวเที่ยงคืนครอบครัวของเขาในสิงคโปร์จึงได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขไทย พ่อของเขานั่นเองที่โทรมาบอกว่าปลอดภัย
รอนนีบอกกับครอบครัวในภายหลังว่า เขาได้รับความช่วยเหลือจากชายไทยนาม “วิริยะ” พามาอยู่ด้วยกับครอบครัวในคืนนั้น
“ในฐานะครอบครัวพวกเขายินดีต้อนรับพ่อผม จัดหาอาหารและให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมคิดว่า เขาคือฮีโร่” วินเซนต์เล่า
วิริยะพยุงชายวัย 74 ปีเกาะเศษซากที่ลอยน้ำมาว่ายไปยังบ้านของเขาซึ่งห่างจากร้านขายของที่ระลึกราว 500 เมตร
“มันเริ่มมืด พ่อหนาว ถ้าไม่ได้ผู้ชายไทยคนนั้นช่วยไว้ ผมคิดว่าพ่อคงลำบากมาก” วินเซนต์เสริม
แม้จะรอดชีวิตมาได้แต่การจะกลับสู่สิงคโปร์ต้องรอก่อน รอนนีจองตั๋วกลับในวันอังคาร (25 พ.ย.) แต่พบว่ารถของพวกเขาในหาดใหญ่จมน้ำและเดินทางไปสนามบินไม่ได้
ส่วนตัวรอนนีต้องอยู่กับวิริยะจนถึงค่ำวันอังคาร พร้อมหาทางกลับไปหาครอบครัว ชะตากรรมของรอนนีไม่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวอื่นๆ อีกราว 1,000 คนที่ติดค้างอยู่ตามโรงแรมและสนามบิน อุปสรรคยังไม่จบง่ายๆ
ไม่มีไฟฟ้าใช้
ชารอน โต๋ห์ วัย 45 ปี หลานสาวของรอนนีเล่าว่า สถานการณ์ชวนหัวเสียเพราะกลุ่มที่เดินทางไปกับรอนนีมีแต่ผู้สูงวัยและต้องรับประทานยา พ่อแม่ของเธอก็ร่วมทางไปด้วย
“พวกเขาต้องกลับมาวันนี้ เพราะยาที่เอาไปด้วยใช้ได้แค่ไม่กี่วัน” ชารอนซึ่งเป็นผู้จัดการธุรกิจกล่าวและว่า พ่อของเธอวัย 69 ปีป่วยเป็นเบาหวาน
“โรงแรมไม่ได้ใหญ่มาก ฉันคิดว่าอาหารคงหมด พวกเขาคงติดอยู่ในนั้น ไม่น่ามีอาหารเหลือมากนัก นอกจากของแห้งเพียงเล็กน้อย”
เมื่อกระแสไฟฟ้าถูกตัด ครอบครัวของเธอต้องชาร์จมือถือจากพาวเวอร์แบงก์เท่านั้น แต่ถ้าจะหาสัญญาณก็ต้องขึ้นจากห้องพักชั้นสามไปชั้นเจ็ด ซึ่งโทรแล้วก็ขาดๆ หายๆ
สรุปว่า ตัน ชินเจี่ย คนขับรถส่งของวัย 69 ปีพ่อของชารอน ต้องติดอยู่ในโรงแรมกับเพื่อนหกคนเป็นเวลาสามวันนับถึงวันอังคาร โรงแรมแห่งนี้เดินไปไม่ไกลจากจุดที่รอนนีพัก
“น้ำท่วมสูงมาก แค่หกฟุตเราก็ออกไปไม่ได้แล้ว” ตันเป็นฝ่ายเล่าบ้าง
เมื่อไม่มีไฟฟ้า ภายในโรงแรมจึงมืดมากในเวลากลางคืน ตันและเพื่อนปิดโทรศัพท์ไว้เพื่อเซฟแบตเตอรี เขาให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอได้เพียงห้านาทีเท่านั้น
“ตอนนี้เราไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอาหาร” ตันกล่าว แม้อาหารถูกเตรียมไว้ก่อนหน้า แต่ไม่มีให้เลยในวันจันทร์และวันอังคาร
วิเวียน วัย 42 บุตรสาวของตันเล่าว่า ตอนวีดีโอคอลหาพ่อเธอเห็นหม้อใบหนึ่งอยู่ข้างหลัง เธอเดาว่าพวกเขาน่าจะต้มน้ำดื่มเพื่อความสะอาด เธอกังวลเพราะกลุ่มนี้ไม่ได้รับประทานอาหารเลยสองวันแล้ว
ตันต้องบินกลับบ้านบ่ายวันอังคาร ตอนที่คุยกับซีเอ็นเอในคืนวันจันทร์เขาบอกว่า ยังพยายามหาเรือไปสนามบิน
“พวกเราทุกคนกังวล อยากไปสนามบิน” ตันกล่าวขณะที่วิเวียนก็กังวลกับกลุ่มนี้เช่นกัน
“พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะออกจากโรงแรมได้มั้ย”
อาหารหมด
ชารอน คู เป็นห่วงบิดาวัย 74 ปี ที่ติดอยู่ในโรงแรมอีกแห่งหนึ่งกลางเมืองหาดใหญ่ เนื่องจากต้องรับยารักษาเบาหวาน เขาต้องรับประทานอาหารตรงเวลาในกรณีระดับน้ำตาลในเลือดลด
พ่อเล่าให้เธอฟังว่า ขอไข่จากโรงแรมในวันเสาร์ (22 พ.ย.)
“พ่อบอกว่า ล็อบบี้โรงแรมโกลาหลมาก” หญิงวัย 48 ปีเล่าก่อนเสริมว่า ฝูงชนกรูกันไปคว้าอาหารที่โรงแรมแจกรอบแรก
ต่อมาล็อบบีโรงแรมถูกน้ำท่วมราวเที่ยงคืนวันจันทร์
“ตอนนั้นฉันคิดขึ้นมาเลยว่า อาหารคงหายากไปทุกที” ชารอนกล่าว เธอไม่แน่ใจว่าพ่อได้รับประทานอะไรหรือยังขณะให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอเมื่อวันอังคาร ก่อนเสริมว่าพ่ออยู่ในหาดใหญ่กับเพื่อนอีกหนึ่งคน มีกำหนดบินกลับสิงคโปร์ในวันที่ 27 พ.ย.
“ดูจากสถานการณ์ พ่อน่าจะติดน้ำท่วมไปอีกสองสามวัน เราไม่มั่นใจเลย”ชารอนกล่าวทิ้งท้าย
เตือนพลเมืองเลี่ยงเดินทางไปสงขลา
ทุกคนที่ซีเอ็นเอคุยด้วยกล่าวว่า ติดต่อขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์แล้ว ในวันอังคารกระทรวงประกาศเตือนพลเมืองเลี่ยงเดินทางไปจังหวัดสงขลาและพื้นที่อื่นๆ ที่ถูกน้ำท่วม คาดว่าสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไป โดยทั้ง 16 อำเภอของจังหวัดสงขลาถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว หาดใหญ่เสียหายหนักที่สุด
“ขอแนะนำให้ชาวสิงคโปร์ในพื้นที่ได้รับผลกระทบระมัดระวัง ติดตามสถานการณ์และรับฟังข่าวจากท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของท้องถิ่น”กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์แนะนำประชาชน







