ถอดบทเรียน ‘คอร์รัปชันน้ำท่วม’ ฟิลิปปินส์ ชาวบ้านเสียชีวิต เศรษฐกิจเสียหายยับ

ถอดบทเรียน ‘คอร์รัปชันน้ำท่วม’ ฟิลิปปินส์ ชาวบ้านเสียชีวิต เศรษฐกิจเสียหายยับ

'ทุจริตโครงการน้ำท่วม' กำลังเขย่าเศรษฐกิจและการเมืองฟิลิปปินส์ หลังเผชิญปีแห่งพายุนับ 20 ลูก มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน บอบช้ำหนักจนต้อง 'ตั้งคำถาม' ถึงประสิทธิภาพโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐเพื่อรับมือน้ำท่วม ก่อนนำไปสู่การล้างบางและจับกุมครั้งใหญ่ ตำแหน่งใหญ่ๆ ลาออกเพียบตั้งแต่รัฐมนตรีจนถึงประธานสภา

KEY

POINTS

  • ฟิลิปปินส์เผชิญวิกฤตคอร์รัปชันในโครงการป้องกันน้ำท่วม ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้อยคุณภาพหรือไม่มีอยู่จริง เป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเมื่อเกิดภัยพิบัติ
  • การทุจริตสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาลกว่า 1 ล้านล้านเปโซ ส่งผลให้ค่าเงินเปโซตกต่ำเป็นประวัติการณ์ และบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
  • เรื่องอื้อฉาวนี้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทำให้รัฐมนตรี 2 คนต้องลาออก และจุดชนวนให้เกิดการประท้วงใหญ่ทั่วประเทศเพื่อกดดันให้รัฐบาลปฏิรูป

ปี 2568 นับเป็นปีที่ “ฟิลิปปินส์” เผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างแสนสาหัส ทั้งแผ่นดินไหวขนาด 7.4 แมกนิจูด และพายุราว 20 ลูกที่ถาโถมโดยเฉพาะสองลูกล่าสุดคือ พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี และพายุไต้ฝุ่นฟงวอง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 300 ราย แต่ที่สร้างความวอดวายมากกว่านั้นก็คือ “การทุจริตคอร์รัปชันในโครงการน้ำ” ที่กำลังเขย่าการเมืองและเศรษฐกิจประเทศอย่างหนักจนถึงวันนี้

ข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชันในโครงการ “โครงสร้างพื้นฐานป้องกันน้ำท่วม” มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ “รัฐมนตรีสองคน” ในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ต้องลาออกเมื่อวันที่ 17 พ.ย. มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวแล้ว 7 คน และเกิดการประท้วงต่อต้านคอร์รัปชันทั่วประเทศ เป็นแรงกดดันรุนแรงให้รัฐบาลต้องปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อขจัดปัญหาการทุจริตที่ฝังรากลึกในประเทศนี้

เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวจุดกระแสความไม่พอใจและการประท้วงใหญ่ทั่วฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงต่ออุทกภัยร้ายแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อสิ่งที่ควรเป็น “กำแพงป้องกันภัยพิบัติ” ยามเกิดน้ำท่วมและพายุ กลับกลายเป็น “หลุมลึกของคอร์รัปชัน” เมื่อมีการพบว่ากลไกโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมที่รัฐใช้งบประมาณก่อสร้างจำนวนมากทั้งชำรุด ด้อยคุณภาพ หรือบางโครงการถึงขั้น “ไม่มีอยู่จริง”

บลูมเบิร์กรายงานว่า รูปแบบของการคอร์รัปชันในโครงการควบคุมน้ำท่วมตลอดทศวรรษที่ผ่านมา พุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความเสียหายอาจสูงเกิน “1 ล้านล้านเปโซ” (เกือบ 5.5 แสนล้านบาท) ตามข้อมูลของรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการ วินซ์ ดิโซน ซึ่งหากเป็นจริง จะมากกว่าทรัพย์สินที่ยึดมาได้จากอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซีเนียร์ (บิดาของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน) และพวกพ้องที่ถูกกล่าวหาว่าสะสมไว้ในยุคเผด็จการเมื่อกว่า 40 ปีก่อน

ถอดบทเรียน ‘คอร์รัปชันน้ำท่วม’ ฟิลิปปินส์ ชาวบ้านเสียชีวิต เศรษฐกิจเสียหายยับ

เรื่องอื้อฉาวนี้เกี่ยวข้องกับอะไร?

หลังจากมาร์กอส จูเนียร์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2022 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เดินหน้าทำโครงการป้องกันน้ำท่วมทั่วประเทศจำนวน 9,855 โครงการ มูลค่า 5.46 แสนล้านเปโซ (ราว 3 แสนล้านบาท) และก็มีโครงการเกี่ยวกับน้ำท่วมจำนวนมากที่ได้เริ่มดำเนินการก่อนปี 2022 เช่นกัน โครงการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการรับมือกับพายุไต้ฝุ่นและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่และต่อเนื่องในหลายพื้นที่ปีนี้ ทำให้ประชาชนแห่ระบายความไม่พอใจบนโซเชียลมีเดีย และตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการของรัฐบาล แรงกดดันนำไปสู่การตั้งคณะสอบสวนซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังว่า โครงการป้องกันน้ำท่วมจำนวนมาก “ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ระบุไว้” และในบางกรณียังเลวร้ายถึงขั้น “ไม่มีการก่อสร้างจริงเลย” แม้จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วก็ตาม

ในคำให้การระหว่างการไต่สวนของวุฒิสภาในเดือน ก.ย. บ่งชี้ถึงการสมรู้ร่วมคิดกันอย่างกว้างขวางระหว่างวิศวกรผู้คุมงานของรัฐ นักการเมือง และผู้รับเหมาเอกชน ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่ามีการติดสินบนจำนวนมากในโครงการควบคุมน้ำท่วม อดีตวิศวกรรายหนึ่งให้การว่า งบประมาณอย่างน้อย 25% ในแต่ละโครงการจะถูกหักออกเป็นสินบนเป็นประจำ และเพื่อชดเชยงบที่หายไปจึงมีการใช้วัสดุคุณภาพต่ำหรือปลอมแปลงต้นทุนก่อสร้างให้สูงขึ้นในเอกสาร

ข้อมูลเหล่านี้สร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงต่อคนฟิลิปปินส์ เพราะเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก และเผชิญกับพายุไซโคลนมากถึงราว 20 ลูกต่อปี โครงการควบคุมน้ำท่วมเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิตของพวกเขา

ถอดบทเรียน ‘คอร์รัปชันน้ำท่วม’ ฟิลิปปินส์ ชาวบ้านเสียชีวิต เศรษฐกิจเสียหายยับ

ถอดบทเรียน ‘คอร์รัปชันน้ำท่วม’ ฟิลิปปินส์ ชาวบ้านเสียชีวิต เศรษฐกิจเสียหายยับ

มีใครถูกพาดพิงในคดีนี้บ้าง?

ตามข้อมูลของวุฒิสมาชิกแพนฟิโล แล็กซอน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนในวุฒิสภา มีสมาชิกสภานิติบัญญัติอย่างน้อย 67 คนถูกกล่าวหาว่าเป็น “ผู้รับเหมา” ในโครงการก่อสร้างเหล่านี้

หนึ่งในนั้นคือ “มาร์ติน โรมูอัลเดซ” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรการเมืองและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ เขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้วท่ามกลางแรงกดดัน ส่วนอีกรายคือ “ฟรานซิส เอสคูเดโร” ซึ่งต้องลาออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากเขายอมรับว่าผู้รับเหมาเอกชนรายหนึ่งเคยบริจาคเงินหาเสียงให้เขาในการเลือกตั้งปี 2022 แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ช่วยให้บริษัทดังกล่าวให้ได้รับงานก่อสร้างโปรเจกต์น้ำท่วม

ประชาชนตอบรับเรื่องนี้อย่างไร?

กระแสความไม่พอใจที่เริ่มปะทุบนโซเชียลมีเดีย ขยายไปสู่การชุมนุมเล็กๆ หลายครั้ง จนกลายเป็นการชุมนุมประท้วงใหญ่ของประชาชนหลายหมื่นคนในกรุงมะนิลาและหลายพื้นที่ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 21 ก.ย. เพื่อประท้วงต่อต้านการคอร์รัปชัน การชุมนุมส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีเหตุการณ์วุ่นวายบางจุด เช่น การจุดไฟเผาตู้คอนเทนเนอร์ และขว้างก้อนหินรวมถึงระเบิดเพลิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี

ถอดบทเรียน ‘คอร์รัปชันน้ำท่วม’ ฟิลิปปินส์ ชาวบ้านเสียชีวิต เศรษฐกิจเสียหายยับ

ประชาชนยังแสดงความโกรธแค้นบนโซเชียลมีเดีย โดยมุ่งเป้าไปยัง “ครอบครัวของผู้รับเหมาและนักการเมืองที่อวดรวย”บนโลกออนไลน์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจฟิลิปปินส์ก็ได้เรียกร้องให้ยุติการคอร์รัปชันในภาครัฐ พร้อมกดดันให้มีการดำเนินคดีผู้กระทำผิด และประกาศว่าจะขึ้นบัญชีดำบริษัทหรือบุคคลที่สมรู้ร่วมคิดกับนักการเมืองที่ทุจริต

“ความโกรธไม่ได้มุ่งไปที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทุจริตโครงการเท่านั้น แต่ยังมุ่งไปที่ ‘ระบบการเมือง’ ที่ถูกมองว่าล้มเหลวในการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ ตั้งแต่การคอร์รัปชันในฝ่ายนิติบัญญัติ ไปจนถึงความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานต่อต้านการคอร์รัปชัน” บ็อบ เอร์เรรา ลิม กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา Teneo ระบุในบันทึก

ความเชื่อมั่นทรุด ค่าเงินต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ค่าเงินเปโซอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายระหว่างวัน อยู่ที่ 59.262 เปโซต่อดอลลาร์ ต่ำกว่าสถิติเดิมเมื่อปี 2022 ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ระบุว่า การร่วงลงอย่างรวดเร็วของเงินเปโซ อาจสะท้อนถึงความกังวลของตลาดต่อการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก “กรณีอื้อฉาวเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน”

เหล่านักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า คดีอื้อฉาวดังกล่าวได้ “บั่นทอนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ” ของฟิลิปปินส์ ตัวเลขเผยแพร่ของทางการระบุว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์เติบโตเพียง 4.0% ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าระดับ 5.24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของโควิด-19

ราล์ฟ เร็กโต รัฐมนตรีคลังฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยจากการทุจริตในโครงการควบคุมน้ำท่วม ตั้งแต่ปี 2023 - 2025 อยู่ที่ประมาณ 42,300 - 118,500 ล้านเปโซ (ราว 2.3 - 6.5 หมื่นล้านบาท) โดยอ้างอิงจากการไต่สวนก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า มีเงินงบประมาณโครงการถูกดึงออกไปเป็นเงินใต้โต๊ะราว 25-70%

รัฐบาลฟิลิปปินส์ตอบสนองอย่างไร?

ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวถึงเรื่องการคอร์รัปชั่นนี้เป็นครั้งแรกในสุนทรพจน์ประจำปีต่อรัฐสภา (State of the Union) เมื่อเดือนก.ค. โดยระบุว่าโครงการควบคุมน้ำท่วมจำนวนมากถูกใช้เป็น “ช่องทางแสวงหาผลประโยชน์” และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการกวาดล้าง โดยหลังข้อกล่าวหาปะทุ ประธานาธิบดีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบางโครงการด้วยตนเอง โดยเฉพาะในจังหวัดบูลากัน (Bulacan) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการอนุมัติโครงการมากที่สุด และยังมีโครงการหนึ่งที่ได้รับงบประมาณจากรัฐแต่ไม่เคยถูกสร้างจริงด้วย

นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. รัฐบาลได้ปลดเจ้าหน้าที่กระทรวงโยธาฯ ไปแล้ว 4 คน สั่งพักงานอีก 16 คน พร้อมทั้งยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นและผู้รับเหมาเอกชนอีก 4 รายต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานาธิบดียังได้แต่งตั้งวินซ์ ดิโซน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและทางหลวงคนใหม่ หลังเจ้ากระทรวงเดิมลาออกจากผลกระทบของเรื่องอื้อฉาวนี้

รัฐบาลยังได้ยกเลิกโครงการป้องกันน้ำท่วมมูลค่า 2.52 แสนล้านเปโซ สำหรับปี 2026 รวมถึงเข้มงวดในขั้นตอนการอนุมัติโครงการ และตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนโครงการเหล่านี้ย้อนหลัง 10 ปี ขณะที่ศาลฟิลิปปินส์ยังได้มีคำสั่งอายัดบัญชีธนาคารหลายร้อยบัญชี เพื่อใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ตามคำร้องของสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน

ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวว่า "จะไม่มีใครได้รับการยกเว้นจากการสอบสวนของรัฐบาล แม้กระทั่งญาติหรือพันธมิตรของเขาเอง" เขายังสนับสนุนสิทธิในการประท้วงของประชาชน โดยระบุว่าเข้าใจความโกรธแค้นของประชาชน แต่ก็เตือนด้วยว่าตำรวจจะดำเนินการหากการชุมนุมกลายเป็นความรุนแรงขึ้นมา

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. เจ้าหน้าที่ระดับสูงสองคนที่ใกล้ชิดมาร์กอส จูเนียร์ ได้แก่ "ลูคัส เบอร์ซามิน" เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ "อามีนาห์ ปางกันดามัน" รัฐมนตรีกระทรวงการจัดการงบประมาณ ได้ลาออกจากตำแหน่ง หลังมีการพาดพิงถึงกระทรวงของพวกเขาในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดปกติของโครงการน้ำท่วม โดยสำนักสื่อสารของทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า การลาออกมีขึ้นเพื่อ “เปิดทางให้รัฐบาลจัดการปัญหาได้อย่างเหมาะสม” แต่ทั้งสองปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นดังกล่าว

ฟิลิปปินส์กำลังเดิมพันอะไร?

เสถียรภาพทางการเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์กำลังแขวนอยู่บนผลงานของปธน.มาร์กอส จูเนียร์ ในการรับมือผลกระทบจากคดีคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจเป็นบททดสอบสำคัญที่จะชี้ชะตา “มรดกทางการเมือง” ของเขา

ผู้นำฟิลิปปินส์กำลังถูกจับตามองอย่างหนักในความพยายามขจัดคอร์รัปชั่น ท่ามกลางแรงกดดันให้ดำเนินคดีเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริต หากรัฐบาลล้มเหลว ความไม่พอใจของประชาชนอาจทวีความรุนแรงขึ้น กระตุ้นให้เกิดการประท้วงบ่อยครั้งขึ้น และเปิดทางให้ฝ่ายค้านรวมถึงรองประธานาธิบดี "ซารา ดูเตอร์เต" บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งเคยวิจารณ์รัฐบาลว่าแก้ปัญหาช้า หันมาใช้ประเด็นนี้โจมตีรัฐบาลมากขึ้น

ส่วนทางด้านเศรษฐกิจก็มีความเสี่ยงเช่นกัน การตรวจสอบโครงการน้ำท่วมที่เข้มงวดขึ้นอาจทำให้การเบิกจ่ายภาครัฐชะลอตัวในระยะสั้น นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Union Bank ประเมินว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลที่ลดลง 10% ในไตรมาสเดียว อาจทำให้จีดีพีทั้งปีลดลงประมาณ 0.13 จุดเปอร์เซนต์

ที่มา: Bloomberg