‘ดูไบ’ มิใช่ชื่อเมืองเท่านั้น | อาหารสมอง

‘ดูไบ’ มิใช่ชื่อเมืองเท่านั้น | อาหารสมอง

ผมสับสนมานานกับคำว่า Dubai / Abu Dhabi / UAE / มันคือชื่อเมือง หรือรัฐ หรือประเทศกันแน่ และสัมพันธ์กันอย่างไร ผมได้ไปค้นคว้ามาเพื่อเคลียร์กันสักทีเพราะคาดว่าผู้อ่านหลายท่านก็คงมึน ๆ เหมือนผม

ครั้งนี้ต้องขอโทษที่รุงรังด้วยชื่อภาษาอังกฤษหากใช้ภาษาไทยอาจเขียนไม่ถูกต้องจนเกิดความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนขึ้นได้

ขอเริ่มที่ UAE ซึ่งย่อมาจาก United Arab Emirates (UAE) เป็นสหพันธรัฐแบบสหรัฐอเมริกาโดยเป็นชื่อของประเทศที่ประกอบด้วย 7 รัฐ หรือแคว้น (มีชื่อเรียกว่า Emirate)ได้แก่ Abu Dhabi / Dubai / Sharijah / Ajaman / Umn al-Quwain / Ras al Khaimah หรือ RAK และ Fujairah

สิ่งที่ทำให้สับสนก็คือแต่ละ Emirate นั้นชื่อเมืองหลวงคือชื่อเดียวกันกับชื่อรัฐเพียงแต่เติม คำว่า city ลงไป เช่น เมืองหลวงของ Dubai คือ Dubai City อีกทั้งชื่อรัฐกับเมืองก็ใช้เหมือนกัน (เหมือนกับสิงคโปร์ที่เป็นชื่อประเทศและก็เป็นชื่อเมืองในเวลาเดียวกัน) ดังนั้น คำว่า Abu Dhabi หรือ Dubai จึงหมายถึงรัฐและเมืองในเวลาเดียวกัน

ภูมิศาสตร์คร่าว ๆ ของพื้นที่นี้ก็คือถัดมาจากทวีปแอฟริกาทางตะวันออกมี Red Sea กั้นอยู่ เมื่อข้ามไปก็เป็นคาบสมุทรยาวลงมา ข้างบนสุดได้แก่ Israel / Jordan ไล่ลงมาคือ Saudi Arabia ส่วนทางตะวันออกก็คือ Gulf of Oman บนชายฝั่งของอ่าวนี้ด้านตะวันตกไล่ลงมาก็คือ Kuwait / Bahrain / Qatar / UAE / Oman และ Yemen บริเวณนี้อุดมด้วยน้ำมันอย่างมาก

ในแต่ละ 7 รัฐของ UAE มีกษัตริย์ของตนเองปกครอง (คล้ายมาเลเซีย) มีตำแหน่งที่เรียกว่า Emir ส่วนการปกครองของ UAE ซึ่งเป็นสหพันธรัฐมีเมืองหลวงคือ Abu Dhabi นโยบายด้านการต่างประเทศ ระบบเศรษฐกิจ ระบบยุติธรรม ฯลฯ อยู่ในการดูแลของส่วนกลาง มีประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี

UAE มีพี่ใหญ่คือ Abu Dhabi ซึ่งเป็นทั้งชื่อรัฐ /เมือง /เมืองหลวงของประเทศด้วย ดังนั้น คำว่า Abu Dhabi จึงมีถึง 3 ความหมาย UAE มี GDP ต่อหัว 49,550 เหรียญสหรัฐ (1.6 ล้านบาท / ไทย 250,000 บาท) มีประชากร 11 ล้านคน คนพื้นเมืองจริง ๆ มีน้อยมากประมาณ 10% คนอพยพรวมกันประมาณเกือบ 90%

โดยทั้งประเทศแบ่งเป็นคนพื้นเมืองเเละอียิปต์ฝ่ายละ 10% ฟิลิปปินส์ 6% อินเดีย 40% ที่เหลือคือ บังคลาเทศและปากีสถานเเละอื่น ๆ ในด้านศาสนา 75% เป็นมุสลิม

หากไล่แต่ละรัฐของ UAE ก็จะพบว่า Abu Dhabi เป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดเพราะมีปริมาณน้ำมันมากที่สุดใน 7 รัฐ ประธานาธิบดีของ UAE โดยประเพณีเป็นคนจาก Abu Dhabi ส่วน Dubai เป็นรัฐที่โลกรู้จักมากที่สุด (โดยเฉพาะคนไทย) เพราะได้รับการพัฒนาเป็นเมืองนานาชาติ โดดเด่นด้านธุรกิจการท่องเที่ยวและตึกระฟ้า ทั้งสองรัฐ หรือ Emirates (หรือสองเมือง) นี้จึงเป็นผู้นำของ UAE อย่างแท้จริง

Abu Dhabi มีประชากร 4 ล้านคน พื้นที่ 67,340 ตารางกิโลเมตร (87% ของ UAE) รวยที่สุดของ UAE เพราะมีปริมาณน้ำมันที่สำรวจแล้วประมาณ 90-95% ของทั้งหมดที่ UAE มี ส่วน Dubai มีประชากร 3.6 ล้านคน มีพื้นที่ 4,114 ตารางกิโลเมตร นายกรัฐมนตรีของ UAE มาจาก Emir ของ Dubai

Sharjah (พลเมือง 1.8 ล้านคน) เป็นรัฐลำดับ 3 ที่มี GDP ใหญ่สุดของ UAE มีอุตสาหกรรมสำคัญและเป็นรัฐสำคัญทางวัฒนธรรม / Ajman ประชากร 540,000 คน มีพื้นที่ 260 ตารางกิโลเมตร เป็น Emirate ที่เล็กที่สุด / Umn Al-Quwain มีประชากร 70,000 คน เป็นรัฐที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด

Ras Al-Khaimah (RAK) มีประชากร 450,000 คน มีพื้นที่ 1,680 ตารางกิโลเมตร มีอุตสาหกรรมซีเมนต์ และ เซรามิกที่มีชื่อเสียง และสุดท้ายคือ Fujairah มีประชากร 310,000 คน พื้นที่ 1,450 ตารางกิโลเมตร เป็นจุดเติมน้ำมันสำคัญของเรือที่เดินทางผ่าน โดยตั้งอยู่บนฝั่งของ Gulf of Oman

นอกจาก UAE ที่มี Abu Dhabi และ Dubai เป็น Emirates ใหญ่ที่มีน้ำมันอยู่ในประเทศมากแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงกันมีประเทศที่ร่ำรวยด้วยน้ำมัน อันได้แก่ Saudi Arabia / Qatar / Bahrain / Kuwait / Oman ตัวเลขล่าสุดของปริมาณน้ำมันที่พิสูจน์แล้วของประเทศเหล่านี้ที่เป็นสัดส่วนของทั้งโลก มีดังนี้

Saudi Arabia (19.91%) / UAE (8.42%) / Kuwait (7.56%) / Qatar (1.88%) / Oman (0.4%) / Bahrain มีสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อรวมกันแล้วรัฐอาหรับในคาบสมุทรอาหรับรวมกันมีสัดส่วนน้ำมันของโลกประมาณ 38-39%

ยักษ์ใหญ่ของน้ำมันโลกคือ Saudi Arabia มีประชากร 37 ล้านคน มี GDP ต่อหัว 30,099 เหรียญสหรัฐ (970,000 บาท) อีกประเทศหนึ่งที่มีน้ำมันเป็นอันดับต้นของโลกคือ Vanezuela มีสัดส่วน 17-18% ของโลก อย่างไรก็ดีมีข้อถกเถียงว่าแท้จริงเเล้วใครเป็นอันดับ 1 ของโลกโดยอ้างตัวเลขที่มาจากแหล่งที่ต่างกัน

สุดท้ายบางคนอาจสงสัยคำว่า Emir (อีเมียร์) กับ Sheikh (ชีค) นั้นแตกต่างกันอย่างไร Sheikh ใช้ในหลายกรณี เช่น ใช้เรียกผู้นำของรัฐในคาบสมุทรอาหรับนี้ ฝ่ายชายของราชสกุล ผู้นำทางศาสนา ผู้นำเผ่า ผู้ใหญ่ที่น่านับถือ หรือบุคคลสำคัญ

ส่วน Emir ใช้กับผู้นำของรัฐหรือ Emirate เจ้าชายของราชวงศ์ Emir เกี่ยวพันกับด้านอำนาจการปกครองและความเป็นทางการ ส่วน Sheikh นั้นเป็นคำนำหน้าของบุคคลอันควรแก่การเคารพ “Emir ทุกคนเป็น Sheikh แต่ไม่ใช่ Sheikh ทุกคนเป็น Emir”

หวังว่าคงทำให้ชัดเจนขึ้นบ้างนะครับ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถึงเคลียร์แล้วจะยังมึนอยู่หรือไม่