‘เบสเซนต์’ มองเศรษฐกิจสหรัฐปี 69 โตแกร่ง แม้ชัตดาวน์ เสียหายหมื่นล้านดอลลาร์

‘เบสเซนต์’ มองเศรษฐกิจสหรัฐปี 69 โตแกร่ง แม้ชัตดาวน์ เสียหายหมื่นล้านดอลลาร์

‘เบสเซนต์’ มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐปี 69 โตแกร่ง ไม่เห็นความเสี่ยง 'ภาวะถดถอย' ไม่หวั่นเงินเฟ้อ 3% แม้ ‘ชัตดาวน์รัฐบาล’ สร้างความเสียหาย 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ อาจฉุด GDP ไตรมาส 4 เหลือ 1.5%

รอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง “สก็อตต์ เบสเซนต์” ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (25พ.ย.) ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นเวลา 43 วันนั้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างถาวรเป็นมูลค่าสูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ แต่เบสเซนต์ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะดีขึ้นจากดอกเบี้ยที่เริ่มผ่อนคลายและมาตรการลดหย่อนภาษีที่มีอยู่

เบสเซนต์ กล่าวในรายการของ NBC ว่า แม้ ภาคที่อยู่อาศัย และเศรษฐกิจบางส่วนที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยจะเคยอยู่ในภาวะที่คล้าย ภาวะถดถอย แต่เขามั่นใจว่า เศรษฐกิจสหรัฐ โดยรวมทั้งหมด จะยังไม่เผชิญกับความเสี่ยงที่จะเติบโต "ติดลบ" หรือเข้าสู่ภาวะถดถอยเต็มรูปแบบ โดยปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในปีหน้าคือ อัตราดอกเบี้ยที่เริ่มผ่อนคลายลง และ มาตรการลดหย่อนภาษี ที่มีอยู่

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้หันมาเน้นเรื่อง ความสามารถในการซื้อบ้านเป็นพิเศษ  หลังจากที่พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับรัฐหลายแห่ง ขณะเดียวกัน คะแนนนิยมของเขาก็ลดลงมาอยู่ที่ 38% ซึ่งถือเป็น “ระดับต่ำสุด” นับตั้งแต่เขากลับมามีอำนาจอีกครั้ง ตามผลสำรวจล่าสุดจากรอยเตอร์/อิปซอส

‘เบสเซนต์’ มองเศรษฐกิจปี 69 โตแก่ง คลุมเงินเฟ้อได้

เบสเซนต์ แสดงความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า "ผมมองปี 2569 ในแง่ดีมาก ๆ เราได้วางรากฐานไว้สำหรับเศรษฐกิจการเติบโตที่แข็งแกร่งและไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ"

รมว. คลังยังได้ระบุสาเหตุของ ภาวะเงินเฟ้อ ที่ขณะนี้พุ่งสูงถึง 3% ต่อปี ว่าเป็นผลมาจาก เศรษฐกิจภาคบริการ ไม่ใช่มาจากการเก็บ “ภาษีศุลกากร”  ของประธานาธิบดีทรัมป์ 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินการเพื่อลดต้นทุนในส่วนที่ควบคุมได้ เช่น การ ลดภาษีนำเข้าอาหาร อย่างกล้วยและกาแฟ ซึ่งเป็นผลจากข้อตกลงการค้าที่เจรจากันมานาน โดยเขาคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ในเดือนตุลาคมจะช่วยให้ ราคาสินค้าโดยรวมลดลงในวงกว้างมากขึ้น ในอนาค

เบสเซนต์ ตั้งข้อสังเกตว่า อัตราเงินเฟ้อ ในรัฐที่พรรคเดโมแครตควบคุมนั้นสูงกว่ารัฐที่พรรครีพับลิกันควบคุมอยู่ถึง 0.5% โดยมองว่าความแตกต่างนี้เป็นผลมาจากกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่า

การเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น การจำกัดภาษีค่าล่วงเวลา การลดภาษีทิปและประกันสังคม รวมถึงการหักลดหย่อนเงินกู้รถยนต์ จะช่วย เพิ่มระดับรายได้ที่แท้จริง ของชาวอเมริกัน และช่วยชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าผู้เสียภาษีจะได้รับ เงินคืนภาษีจำนวนมาก ในไตรมาสแรกของปี 2569

ปี 2569 เป็น "ปีแห่งความสำเร็จ"

เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวกับรายการ Fox News ว่า เขาคาดว่า ปี 2569 จะเป็น "ปีแห่งความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่" แม้ว่าจะมี "อุปสรรค" เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เนื่องจากการ ปิดหน่วยงานรัฐบาล ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

แฮสเซตต์ คาดว่าการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 4 จะลดลงครึ่งหนึ่ง โดยคาดการณ์การเติบโตไว้ที่เพียง 1.5% ถึง 2% และการณ์ว่าการจ้างงานในภาคการผลิตจะเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นในปี 2569 

อย่างไรก็ดี หลังการลงนามยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ  โดยขยายเวลาการจัดสรรงบประมาณถึงวันที่ 30 ม.ค.ปี 2569 ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้ากันอีกครั้งในปีหน้าเบสเซนต์ได้เรียกร้องให้ พรรครีพับลิกันควรลงมติทันทีเพื่อยุติการอภิปรายขัดขวาง หากพรรคเดโมแครตสั่งยุบรัฐบาลอีกครั้ง ตามความต้องการของประธานาธิบดีทรัมป์