'โฮมีโอพาธีย์' กับภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย: ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพคนไทย | World Wide View

'โฮมีโอพาธีย์' ในประเทศไทยซึ่งมีภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยอยู่เดิมนั้น ถือเป็นทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพคนไทย และลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเกินความจำเป็น
หลังยุคโควิด-19 แนวคิดเรื่องการดูแลสุขภาพของคนไทยมีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน หลายคนให้ความสำคัญกับสุขภาพเชิงป้องกันและความสมดุลของร่างกายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มองหาแนวทางการรักษาที่อ่อนโยน ปลอดภัย และลดการพึ่งยาเคมีเกินความจำเป็น ทำให้ “การแพทย์ทางเลือก” ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั้งในโลกตะวันตกและเอเชีย รวมถึงประเทศไทยที่มีภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมุนไพร การนวด การประคบ หรือการปรับสมดุลธาตุ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าคนไทยมีพื้นฐานความคุ้นเคยกับการใช้ธรรมชาติบำบัด จึงพร้อมเปิดรับแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
หนึ่งในแนวทางที่ได้รับความสนใจทั่วโลกคือ “โฮมีโอพาธีย์” ซึ่งเน้นการกระตุ้นกลไกการรักษาตัวเองของร่างกาย โดยใช้ยาเจือจางจากสารธรรมชาติอย่างมีระบบ Padma Shri Dr. Mukesh Batra หมอโฮมีโอพาธีย์ชาวอินเดียที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันให้โฮมีโอพาธีย์ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ ได้นำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย
Dr. Mukesh ระบุว่า หนึ่งในประเด็นที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ทราบคือภาวะแพ้แลคโตส โดยจากการศึกษาพบว่าคนไทยจำนวนมากมีภาวะนี้ ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือปวดท้องหลังดื่มนมหรือรับประทานผลิตภัณฑ์นม โฮมีโอพาธีย์ซึ่งมุ่งปรับสมดุลระบบย่อยอาหารภายใน ช่วยลดความไวต่อแลคโตสได้ในหลายกรณี เหมาะกับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงยาเคมีหรือมีอาการเรื้อรัง
อีกปัญหาคือการใช้ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น ทำให้เกิดภาวะดื้อยา (Antimicrobial Resistance, AMR) ในไทยมีผู้ติดเชื้อ AMR ประมาณ 88,000 รายต่อปี และมีผู้เสียชีวิตจากภาวะดื้อยาราว 38,000 คน ข้อมูลการใช้ยาปฏิชีวนะในไทยยังสะท้อนปัญหาในชุมชน โดยงานวิจัยในกรุงเทพฯ พบว่า คนไทยหลายคนใช้ยาปฏิชีวนะด้วยตนเองกันอย่างแพร่หลายทำให้เกิดภาวะดื้อยา
สถานการณ์นี้ทำให้โฮมีโอพาธีย์เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่จำเป็น เพราะให้การดูแลที่ปลอดภัย อ่อนโยน และสามารถบรรเทาอาการหวัด ไซนัสอักเสบ หรืออาการอักเสบอื่น ๆ ได้โดยไม่เพิ่มโอกาสเกิดภาวะดื้อยา ทั้งยังเหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุซึ่งมักไวต่อผลข้างเคียงจากยาแผนปัจจุบัน
นอกจากนี้ ภูมิแพ้จมูก (โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้) หรือที่เราเรียกกันว่า “แพ้อากาศ” ยังพบมากขึ้นในไทย ทำให้หลายคนมีอาการ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หรือไอเรื้อรัง และต้องใช้ยาแก้แพ้ต่อเนื่อง ซึ่งภาวะฝุ่น PM2.5 ในปัจจุบันยัง กระตุ้นให้คนไทยมีปัญหาระบบทางเดินหายใจมากขึ้น โฮมีโอพาธีย์ที่เน้นการรักษาแบบรายบุคคลจึงสามารถช่วยลดความถี่ของอาการและควบคุมระยะยาวโดยไม่ทำให้ง่วงหรือเกิดผลข้างเคียง
สำหรับประเทศไทยซึ่งมีภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว การเปิดรับโฮมีโอพาธีย์ถือเป็นการต่อยอดแนวคิดการรักษาแบบองค์รวม ทั้งสองแนวทางเสริมสร้างสมดุลให้ร่างกายฟื้นตัวด้วยตัวเอง แทนการใช้ยาแรงหรือการรักษาที่เน้นแก้อาการเฉพาะหน้าเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม โฮมีโอพาธีย์ไม่ใช่การรักษาแทนแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เป็น “อีกหนึ่งเครื่องมือ” ที่ช่วยให้ผู้คนมีทางเลือกมากขึ้น ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเกินความจำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการเรื้อรัง เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการทางเลือกสุขภาพที่ปลอดภัยและอ่อนโยนกว่าเดิม
ในยุคที่คนไทยสนใจสุขภาพองค์รวมมากขึ้น การผสมผสานความรู้จากแพทย์แผนไทย แพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์ทางเลือกอย่างโฮมีโอพาธีย์ อาจเป็นคำตอบสำคัญที่ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้นอย่างยั่งยืน







