มหาเศรษฐีการเงินผวา ‘ฟองสบู่ไพรเวทเครดิต’ ห่วงสินทรัพย์นอกตลาดเสี่ยงลาม

มหาเศรษฐีการเงินผวา ‘ฟองสบู่ไพรเวทเครดิต’ ห่วงสินทรัพย์นอกตลาดเสี่ยงลาม

ท่ามกลางทุนที่ไหลทะลักสู่ตลาดการลงทุน ‘นอกตลาดหุ้น’ มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ บรรดามหาเศรษฐี และผู้นำการเงินระดับโลกเริ่มส่งสัญญาณเตือนว่า ความเสี่ยงกำลังทวีคูณอย่างเงียบๆ ฟองสบู่ราคาสินทรัพย์ การกำกับดูแลที่หลวม และหนี้ก้อนมหาศาลในไพรเวทเครดิต อาจกำลังก่อตัวเป็นแรงสั่นสะเทือนลูกใหม่ของระบบการเงินโลก

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดามหาเศรษฐีในแวดวงการเงินกำลังรู้สึกกังวลต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นใน “สินทรัพย์การลงทุนที่ซื้อขายกันนอกตลาด” (Private Market) เกี่ยวกับภาวะเก็งกำไรสูง

“ตอนนี้ภาคเอกชนมีภาวะ ‘ฟองสบู่’ อยู่พอสมควร” เดวิด เวเลซ ผู้ร่วมก่อตั้ง Nu Holdings และเป็นมหาเศรษฐีชาวโคลอมเบีย กล่าวให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg Television ระหว่างการประชุม Bloomberg New Economy Forum ที่สิงคโปร์ในสัปดาห์นี้ 

“ผมมั่นใจว่า จะมีการลงทุนที่ผิดพลาดเกิดขึ้นในตลาดนี้ และเราคงต้องรอดูว่าจะไปจบลงตรงไหน” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า กฎระเบียบด้านการเปิดเผยข้อมูลที่ค่อนข้างหย่อนยาน กำลังเพิ่มระดับความเสี่ยงมากขึ้น

ถ้อยคำนี้ยิ่งตอกย้ำความกังวลว่า การล้มละลายของบริษัทชื่อดังหลายแห่งในสหรัฐเมื่อไม่นานนี้ อาจเป็น “สัญญาณของปัญหาด้านเครดิต” ที่แพร่กระจายกว้างขึ้นในระบบการเงิน 

นอกจากนี้ ความระแวงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า อุตสาหกรรม “ไพรเวทเครดิต” มูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ อาจกำลังนำความซับซ้อน และความเสี่ยงรูปแบบใหม่เข้ามาสู่ระบบการเงินด้วย

ในขณะนี้ ความร่วมมือปล่อยกู้ร่วมระหว่างธนาคาร และกองทุนไพรเวทเครดิต กำลังทำให้เส้นแบ่งระหว่างตลาดสินเชื่อแบบกู้ร่วม และปล่อยกู้โดยตรงเริ่มเลือนรางลง อีกทั้งยังขยายช่องทางที่ความเสี่ยงอาจลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น ตามรายงานของ Moody’s Ratings ที่ระบุในสัปดาห์นี้

“เมื่อคุณเห็นแมลงสาบตัวหนึ่ง มักหมายความว่ายังมีอีกหลายตัว” เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JPMorgan Chase กล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว

“ถ้าผมเห็นแมลงสาบ ผมจะกรี๊ดแล้ววิ่งหนี และนั่นก็น่าจะอธิบายมุมมองของผมที่มีต่อไพรเวทเครดิตในตลาดพัฒนาแล้วได้ครบถ้วน” มาร์ค คูมส์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ashmore Group ผู้บริหารสินทรัพย์มูลค่า 5 หมื่นล้านปอนด์ กล่าวในการประชุมที่สิงคโปร์เมื่อวันพฤหัสบดี

คูมส์ เสริมว่า ขึ้นอยู่กับระดับการก่อหนี้ “ทุกอย่างอาจสั่นสะเทือนได้” หากเกิดภาวะ “คอขวดในการรีไฟแนนซ์” เขาเตือนว่า “คุณจะได้เห็นบางบริษัทที่มีภาระหนี้สูงเกินตัว และกลายเป็นจังหวะที่พลาดในเวลาที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดที่สุด”

ขณะที่มาร์ค โรแวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และมหาเศรษฐีจาก Apollo Global Management กล่าวในเวทีเดียวกันว่า นักลงทุนอาจถึงเวลาที่ควร “ลดความเสี่ยง” ด้วยการขยับไปถือสินทรัพย์ที่มีคุณภาพด้านเครดิตสูงขึ้น เขาระบุว่า ราคาสินทรัพย์ในปัจจุบัน “ไม่ได้อยู่ในระดับถูก” และอัตราดอกเบี้ยระยะยาวมีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับสูงต่อไป
 

 

 

อ้างอิง: bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์