AI บูม ป่วน ‘ชิปหน่วยความจำ’ ขาดแคลน กระทบตลาด ‘พีซี-สมาร์ตโฟน’

AI บูม ป่วน ‘ชิปหน่วยความจำ’ ขาดแคลน  กระทบตลาด ‘พีซี-สมาร์ตโฟน’

เอไอบูมป่วน ‘ชิปหน่วยความจำ’ ขาดแคลน การผลิตปี 2569 ขายเกลี้ยง ดันราคาพุ่ง 840% กระทบตลาดผู้ผลิตปลายน้ำ ‘พีซี-สมาร์ตโฟน’ เสี่ยงขึ้นราคาสินค้า-เลื่อนเปิดตัว

กระแสเอไอบูมได้สร้างความผันผวนครั้งใหญ่ในตลาด  ชิปหน่วยความจำทั่วโลกกำลังสู่สภาวะ ขาดแคลนอุปทานอย่างรุนแรงในปัจจุบัน จนนำไปสู่คำเตือนเรื่องการขึ้นราคาชิป และอาจทำให้การเปิดตัวสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทต้องล่าช้า

บริษัทผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก ทั้งซัมซุง (Samsung), เอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix), ไมครอน (Micron) และ คิโอเซีย (Kioxia) ต่างให้ความสำคัญกับการจัดหาชิปเพื่อรองรับการประมวลผลเอไอ และการสร้างศูนย์ข้อมูลเป็นอันดับแรก  ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่เกือบทั้งหมดจึงต้องเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง และกำลังการผลิตส่วนใหญ่สำหรับปี 2026 ก็ "ถูกจองหมดแล้ว"

ทั้งซัมซุง และเอสเค ไฮนิกซ์ เผยว่า ลูกค้าทั่วโลกเข้ามารุมล้อมเพื่อเจรจาขอซื้อชิปให้เพียงพอสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่วางแผนไว้ในปี 2026

AI บูม ป่วน ‘ชิปหน่วยความจำ’ ขาดแคลน  กระทบตลาด ‘พีซี-สมาร์ตโฟน’

ความต้องการส่วนใหญ่พุ่งไปที่หน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (เอชบีเอ็ม) ซึ่งเป็นชิปหน่วยความจำประสิทธิภาพสูงที่จำเป็นสำหรับเซิร์ฟเวอร์เอไอขนาดใหญ่ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ โอเพนเอไอได้ทำข้อตกลงครั้งใหญ่กับเอสเค ไฮนิกซ์ เพื่อจัดหาชิปเอชบีเอ็มจำนวนมากถึง 900,000 ชิ้นต่อเดือนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานเอไอ 

สถานการณ์นี้ทำให้เกิดการแข่งขันกันจัดซื้อชิปหน่วยความจำระหว่างผู้เล่นรายย่อยถึงขนาดกลาง กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวย ซึ่งผู้ผลิตพีซี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเอไอโดยตรง กำลังเผชิญกับความกังวลอย่างยิ่งว่าจะไม่สามารถจัดหาชิปได้เพียงพอสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

 ราคา ‘ชิปหน่วยความจำ’ พุ่ง

เมื่อผู้ผลิตให้ความสำคัญกับการผลิตชิปเอชบีเอ็มสำหรับเซิร์ฟเวอร์เอไอเป็นอันดับแรก จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ชิปขาดแคลนส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง

DRAMeXchange และ Bank of America Securities ระบุว่า ราคาสปอตของ DRAM เจเนอเรชันที่ 4 ซึ่งเป็นชิปหน่วยความจำหลักที่ใช้ในคอมพิวเตอร์, สมาร์ตโฟน, และเซิร์ฟเวอร์ได้เพิ่มขึ้นถึง 840% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อาจเพิ่มการใช้จ่ายในเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลเอไอ อย่างก้าวกระโดดถึง 117.89% จาก 285,000 ล้านดอลลาร์ใน ปี 2024 สู่ 621,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2026

ขณะเดียวกัน ผู้บริหารซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายหนึ่งเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อที่ได้รับจากเอ็นวิเดียนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า จากปี 2025 และคำสั่งซื้อจากเอเอ็มดีก็เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ในแง่ของปริมาณ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ยังไม่รวมถึงคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากยักษ์ใหญ่อย่างแอมะซอน และกูเกิลด้วย

สิ่งที่น่ากังวลคือ หากตัวเลขการสั่งซื้อที่พุ่งสูงขนาดนี้เป็นความจริง ปัญหาการขาดแคลนจะไม่จำกัดอยู่แค่ชิปหน่วยความจำเท่านั้น แต่จะขยายไปสู่ส่วนประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แผงวงจรพิมพ์ได้เช่นกัน

ไซมอน วู หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Bank of America Securities  กล่าวว่า ผู้ผลิตชิปกำลังเพิ่มกำลังการผลิตอย่างระมัดระวัง โดยมุ่งเน้นไปที่ ชิปหน่วยความจำระดับไฮเอนด์สำหรับเอไอเป็นหลัก หากชิปสำหรับสมาร์ตโฟน, พีซีหรือชิปทั่วไปขาดแคลน พวกเขาก็จะขึ้นราคา  ดังนั้น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ และผู้ผลิตชั้นนำอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ชิปจะไม่ขาดแคลน ในทางกลับกันบริษัทขนาดเล็กอาจประสบปัญหาอย่างหนักในการจัดหาชิปหน่วยความจำให้เพียงพอ

ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้องใช้วิธีการขึ้นราคาประมูลชิป DRAM, NAND flash และ SSD ทุกวัน และนำระบบเสนอราคารายวันมาใช้ เพราะราคาในช่วงเช้าอาจจะแตกต่างจากช่วงบ่ายแล้ว เช่นเดียวกับผู้ผลิตชิป NAND flash รายหนึ่งของอเมริกาได้ ขึ้นราคามากกว่า 70% ในปีนี้ แต่ถึงแม้จะยอมจ่ายแพงขนาดนั้น บริษัทก็ยังไม่สามารถซื้อสินค้าเพิ่มได้เนื่องจากกำลังการผลิตมีจำกัด

 ‘ผู้ผลิตอุปกรณ์ปลายน้ำ’ เจ็บหนักสุด

จ้าว ไห่จวิน ซีอีโอร่วมของเอสเอ็มไอซี  บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีน แสดงความกังวลว่าผู้ผลิตสมาร์ตโฟนกำลังได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากการขาดแคลนชิปหน่วยความจำ

“แม้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนจะจัดหาโปรเซสเซอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ ได้ แต่ถ้าชิปหน่วยความจำไม่เพียงพอ พวกเขาก็ ไม่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้” และปัญหาต้นทุน “หาก ราคาหน่วยความจำเพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไป ก็ไม่แน่ชัดว่าผู้ผลิตสมาร์ตโฟนจะรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ได้หรือไม่ และอาจทำให้พวกเขาต้อง ลดการใช้จ่ายสำหรับส่วนประกอบอื่นๆ ลงแทน”

เอลลี หว่อง นักวิเคราะห์จากเทรนด์ฟอร์ซมองว่าสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ “ผู้ผลิตอุปกรณ์ปลายน้ำ” จะสามารถแบกรับต้นทุนส่วนประกอบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้นานแค่ไหน หากราคาหน่วยความจำพุ่งสูงเกินไป ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคก็อาจต้องขึ้นราคาสินค้าในที่สุดเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งผลที่ตามมาคือ อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อความต้องการของตลาดปลายทางอย่างผู้บริโภค

หวู หมิ่น ประธาน และซีอีโอของแมคโครนิกซ์ อินเตอร์เนชันแนล ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำจากไต้หวันมองว่า อุตสาหกรรมกำลังดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม คำถามใหญ่ที่ผู้ผลิตชิปกำลังเผชิญคือ "ซูเปอร์ไซเคิล“ หรือวัฏจักรขาขึ้นต่อไปได้นานแค่ไหน?” เพราะเมื่อใดก็ตามที่อุปทานตึงตัว ลูกค้าบางรายจะเริ่มสั่งซื้อสินค้าซ้ำซ้อนจากหลายซัพพลายเออร์ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสินค้า ซึ่งอาจนำไปสู่การจองซ้ำซ้อนในห่วงโซ่อุปทาน

AI บูม ป่วน ‘ชิปหน่วยความจำ’ ขาดแคลน  กระทบตลาด ‘พีซี-สมาร์ตโฟน’

คิโอเซีย โฮลดิ้งส์ ผู้ผลิตหน่วยความจำสำหรับแฟลชหรือ NAND รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกจากญี่ปุ่น คาดการณ์ว่าอุปทาน NAND ทั่วโลกจะยังคงตึงตัว เนื่องจากมีการสร้างศูนย์ข้อมูลเอไอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์นี้ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตชิป ทำให้รายได้ และกำไรในไตรมาสหน้าจะสูงเป็นประวัติการณ์

รวมทั้ง มองว่าความต้องการนี้น่าจะคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2569 เนื่องจากบริษัทผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ ยังคงเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารยังย้ำว่านี่คือ “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่อุตสาหกรรมทั้งหมดต้องร่วมมือกันรับมือ

นอกจากนี้ สถานการณ์ขาดแคลนที่เกิดจากดีมานด์เอไอได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง โดยไมครอน พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา, ซัมซุงพุ่งขึ้นมากกว่า 70% และ วินบอนด์ อิเล็กทรอนิกส์กลับมามีกำไรอีกครั้งในไตรมาสที่ 3 หลังจากขาดทุนมานานถึง 4 ไตรมาส และประธานกล่าวว่า บริษัทคาดหวังอนาคตที่ดีจนถึงปีหน้า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์