เปิดเวทีเจรจาธุรกิจไทย-เกาหลี CEPA จุดการค้าการลงทุน

เปิดเวทีเจรจาธุรกิจไทย-เกาหลี CEPA จุดการค้าการลงทุน

ไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นมิตรประเทศกันมานาน แต่ในแง่การค้าการลงทุนมีตัวเลขให้ชวนสงสัย เช่น เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนอันดับเก้าในประเทศไทย บริษัทเกาหลีในไทยมีราว 400 บริษัท ขณะที่ในเวียดนามมีเป็นหมื่นๆ บริษัท ตัวเลขควรสูงกว่านี้หรือไม่?

KEY

POINTS

  • ไทยและเกาหลีใต้จัดเวทีเจรจาธุรกิจเพื่อผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPA) ซึ่งคาดว่าจะลงนามได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
  • ความร่วมมือจะมุ่งเน้นใน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ อาหารและเกษตรอัจฉริยะ, อุตสาหกรรมสมัยใหม่ (เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าและเซมิคอนดักเตอร์), และภาคบริการ (เช่น เวลเนสและการท่องเที่ยว)
  • บีโอไอตั้งเป้าดึงดูดการลงทุน "คลื่นลูกที่สาม" จากเกาหลีใต้ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ดิจิทัล, AI, และแบตเตอรี่ โดยชูจุดแข็งของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุน
  • ข้อตกลง CEPA คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และสนับสนุนเป้าหมายของนายกรัฐมนตรีในการเพิ่มมูลค่าการค้ารวมเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นมิตรประเทศกันมานาน แต่ในแง่การค้าการลงทุนมีตัวเลขให้ชวนสงสัย เช่น เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนอันดับเก้าในประเทศไทย บริษัทเกาหลีในไทยมีราว 400 บริษัท ขณะที่ในเวียดนามมีเป็นหมื่นๆ บริษัท ตัวเลขควรสูงกว่านี้หรือไม่? 

 

ตัวอย่างที่ว่ามาจะมองให้เป็นลบก็ได้ แต่ถ้ามองบวกแสดงว่าประเทศไทยคือโอกาสอันมหาศาลของนักลงทุนเกาหลีใต้ งาน IGNITE Thailand–Korea Business Forum Bangkok เปิดเวทีชี้ช่องทางเพิ่มความร่วมมือไทย-เกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจรจา CEPA แล้วเสร็จย่อมเปิดโอกาสได้อีกมหาศาล 

เริ่มต้นที่เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดให้เห็นความคล้ายคลึงกันของสองประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่จะกลายเป็นส่วนเสริมให้สองประเทศร่วมมือกันได้มากยิ่งขึ้น ในสามยุทธศาสตร์ได้แก่ 

1) อาหาร สมาร์ทฟาร์มมิง และการแปรรูปอาหาร 

2) อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ไทยมีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ขณะนี้มุ่งหน้าสู่รถอีวี ไฮบริด รวมถึงพื้นฐานด้านการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่จะต่อยอดสู่เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเกาหลีใต้เชี่ยวชาญเช่นกัน 

3) บริการ สปา เวลเนส เมดิคัลทัวริสซึมที่ทั้งไทยและเกาหลีใต้โด่งดังมาก 

ความร่วมมือดังกล่าวจะต่อยอดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วขึ้น ขณะเดียวกันวัฒนธรรมร่วมสมัยก็ช่วยเชื่อมโยงกันอย่างดี ทั้งกระแส K-Pop และ T-Pop รวมถึงศิลปินระดับโลกอย่าง “แบล็กพิงก์” ที่มีสมาชิกชาวไทย สะท้อนการผสานซอฟต์พาวเวอร์ ที่ทั้งสองประเทศสามารถต่อยอดไปด้วยกันได้ เปิดเวทีเจรจาธุรกิจไทย-เกาหลี CEPA จุดการค้าการลงทุน

เอกนิติกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทั้งไทยและเกาหลีใต้กำลังเผชิญความเสี่ยงอย่างเดียวกันจากการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ จำต้องปรับตัวหันมาค้าขายกันเองให้มากขึ้น

  • CEPA ยกระดับการค้า

โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึง “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม" (Comprehensive Economic Partnership Agreement: CEPA) ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 เจรจากันไปแล้วเจ็ดรอบ หากสำเร็จก็จะยกระดับความสัมพันธ์ไปอีกขั้นหนึ่ง 

"รัฐบาลไทยเราให้ความสำคัญกับในเรื่องของนโยบายการค้าและการลงทุนเพื่อช่วยขยายเศรษฐกิจ เอฟทีเอเป็นนโยบายหนึ่งที่ทุกๆ รัฐบาลให้ความสำคัญ" โชติมากล่าวและว่า  ปัจจุบันไทยมีเอฟทีเอ  14 ฉบับกับ 18 ประเทศ ทั้งที่ทำในลักษณะของทวิภาคี และในนามอาเซียน 

 ระดับทวิภาคี มีกับญี่ปุ่นออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี เปรูในอเมริกาใต้  ในกรอบอาเซียนทำกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง และ RCEP ที่เป็นข้อตกลงการค้าเสรีใหญ่สุดของโลก หากรวมที่ทำเพิ่มและอยู่ระหว่างการเจรจากับสหภาพยุโรปและสาธารณรัฐเกาหลี เร็วๆ นี้ไทยจะมีเอฟทีเอ 17 ฉบับกับ 24 ประเทศ

"ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคของโลกไม่ว่าจะเป็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือเศรษฐกิจ การทำเอฟทีเอจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูให้เรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น สามารถขยายตลาดการค้า การลงทุนได้มากยิ่งขึ้น"  

  •  ความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี

โชติมาขยายความว่า ไทยกับเกาหลีเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เกาหลีเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 13 ของประเทศไทย ค้าขายกันปีละประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ เก้าเดือนแรกของปีนี้มูลค่าการค้าเกือบ 12,000 ล้านดอลลาร์

 ปัจจุบันไทยมีเอฟทีเอกับเกาหลีแล้วอยู่ 2 ฉบับ คืออาเซียน-เกาหลีตั้งแต่ปี 2009  และ RCEP ตั้งแต่ปี 2022 

 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเกาหลี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง, แผงวงจรไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม, น้ำมันทราย สินค้านำเข้าสำคัญจากเกาหลีมาไทย ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า, เหล็กและเหล็กกล้า, เคมีภัณฑ์, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 

สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจาก  CEPA โชติมากล่าวว่า CEPA เป็นความตกลงที่ทันสมัยและเป็นสากล เน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้  สอดคล้องกับบริบทระหว่างประเทศ, เพิ่มความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน, นวัตกรรมและเทคโนโลยี, วัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์, การท่องเที่ยว (เช่น อุตสาหกรรมคอนเทนต์) คาดว่าจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับทั้งสองฝ่าย

สินค้าไทยที่คาดว่าจะขยายตัวผลพวงจาก CEPA ได้แก่ ผลไม้เมืองร้อน, เนื้อไก่และไก่แปรรูป, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ซอสและอาหารปรุงแต่ง, ผลิตภัณฑ์ไม้, เคมีภัณฑ์ ในแง่บริการและการลงทุน ไทยจะได้ประโยชน์จากบริการด้านธุรกิจ, โรงแรมและร้านอาหาร, ธนาคาร, วัฒนธรรม, วิชาชีพ  

"เป้าหมายสูงสุดคือยกระดับความสามารถในการแข่งขันของทั้งสองฝ่าย เพิ่มบทบาทในการเป็นแหล่งวัตถุดิบและตลาดซึ่งกันและกัน และส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น" 

  •  บีโอไอเปิด 10 จุดแข็งไทย

 นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์  เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า เกาหลีเข้ามาลงทุนในประเทศนานกว่า 40 ปีแล้ว โดยเฉพาะบริษัทใหญ่นับเป็นคลื่นลูกที่ 1 จากนั้นบริษัทใหญ่ได้นำซัพพลายเออร์ซึ่งเป็นกลุ่มเอสเอ็มอีเข้ามาในไทยด้วย ถือเป็นคลื่นการลงทุนลูกที่ 2 จากเกาหลี 

 "มาถึงตอนนี้เราอยากจะสร้าง third wave ของการลงทุนเกาหลีในประเทศไทย อยู่ในกลุ่มของเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมใหม่ อย่างเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ สมาร์ทโฟน ดิจิทัล เอไอ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราอยากดึงเข้ามาให้มากขึ้น" 

เลขาฯ บีโอไอ ยังกล่าวถึง 10 จุดแข็งของไทยในฐานะปลายทางการลงทุนระดับโลก การมีโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาเป็นอย่างดี เป็นแหล่งรวมแรงงานทักษะสูง ซัพพลายเชนแข็งแกร่ง เป็นประตูสู่ตลาดโลกผ่านการทำเอฟทีเอ มีความพร้อมสำหรับการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล มุ่งมั่นสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ให้แรงจูงใจการลงทุนน่าสนใจ ต้นทุนการผลิตแข่งขันได้ สภาพแวดล้อมเอื้อให้ชาวต่างชาติดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ 

  •   ทูตไทยนำทัพนักลงทุนกว่า 100 ชีวิตสำรวจลู่ทาง

  ธานี แสงรัตน์  เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีเปิดเผยว่า IGNITE Thailand–Korea Business Forum Bangkok เป็นการต่อยอดจากกิจกรรมในเดือน เม.ย. เป็นความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล, Herald Media และ Daewoo E&C นำคณะนักลงทุนเกาหลีกว่า 100 คน เยือนประเทศไทย คณะได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี และเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก)   และการลงทุนด้านดิจิทัล ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน  การก่อสร้าง รวมถึงอุตสาหกรรม S-Curve และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น คอนเทนต์ ภาพยนตร์ ดิจิทัล โดยนายกรัฐมนตรีได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีใต้จากปัจจุบัน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้เติบโตถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 

ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ สิ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเกาหลี คือการย้ำว่า ไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย 

"แม้ว่าการเมืองเราอาจจะเปลี่ยนรัฐบาลเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี 2-3 ครั้งในในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อย่าลืมว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลง  ยังมุ่งส่งเสริมสาขาอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยและภูมิภาค  อีกทั้งประเทศไทยมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ" 

ในกรณีภาษีทรัมป์ซึ่งไทยและเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งคู่ จึงต้องสร้างความหลากหลายทางการค้า ขณะนี้ทั้งสองประเทศกำลังเร่งเจรจา CEPA คาดว่าจะสามารถลงนามได้สำเร็จภายในปลายปีนี้ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าได้อีก 1,000–2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ