'เอกนิติ' ย้ำ 'ไทย–เกาหลีใต้' มีศักยภาพพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันแบบ 'ก้าวกระโดด'

'เอกนิติ' ย้ำ 'ไทย–เกาหลีใต้' มีศักยภาพพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันแบบ 'ก้าวกระโดด'

รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส” เปิดงาน IGNITE Thailand–Korea Business Forum Bangkok ย้ำ 'ไทย–เกาหลีใต้' มีศักยภาพพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันแบบ “ก้าวกระโดด” ทั้งอาหาร สมาร์ทฟาร์มิ่ง อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ บริการ wellness และการท่องเที่ยว

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาเปิดงาน IGNITE Thailand–Korea Business Forum Bangkok โดยระบุว่า ไทย และเกาหลีใต้ มี “ฐานคิด และเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่คล้ายกันอย่างยิ่ง” พร้อมชี้ถึงโอกาสการลงทุนร่วมกันในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ทั้งเก่า และใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะต่อไป

เอกนิติ ระบุว่า ก่อนหน้านี้คณะผู้แทนไทยได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้เพื่อเข้าร่วมประชุม APEC และมีการหารือทวิภาคีอย่างใกล้ชิด ทำให้ไทยเข้าใจความต้องการพัฒนาเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ ส่วนไทยเองมีฐานการผลิตรถยนต์สำคัญของภูมิภาค จึงมีโอกาสเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีได้อีกมาก

'เอกนิติ' ย้ำ 'ไทย–เกาหลีใต้' มีศักยภาพพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันแบบ 'ก้าวกระโดด'

3 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ไทย–เกาหลี ที่พร้อมลงทุนร่วมกัน

1. อาหาร–สมาร์ทฟาร์มิ่ง–ฟู้ดโปรเซสซิ่ง

ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลก ส่วนเกาหลีมีเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มทันสมัย การผนึกกำลังจะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร การผลิต และการแปรรูปได้อย่างมาก

2. อุตสาหกรรมสมัยใหม่

ครอบคลุมยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบออโตเมชัน หุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในผู้นำของโลก ขณะที่ไทยตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมชิปเป็นอุตสาหกรรมอนาคต (Future Industry) ตามแผน New S-Curve

3. บริการ เวลเนส เมดิคัล และท่องเที่ยว

ไทยมีความแข็งแกร่งด้านการแพทย์ เวลเนส และสปา ส่วนเกาหลีใต้โดดเด่นด้านคอสเมติกส์ และศัลยกรรมความงาม การจับมือกันช่วยสร้างแพ็กเกจท่องเที่ยว-รักษาพยาบาลร่วมกัน เพิ่มรายได้ทั้งสองประเทศ

รัฐมนตรีคลังกล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะต่อยอดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วขึ้น ขณะเดียวกันวัฒนธรรมร่วมสมัยก็ช่วยเชื่อมโยงกันอย่างดี ทั้งกระแส K-Pop และ T-Pop รวมถึงศิลปินระดับโลกอย่าง “แบล็กพิงก์” ที่มีสมาชิกชาวไทย สะท้อนการผสาน Soft Power ที่ทั้งสองประเทศสามารถต่อยอดไปด้วยกันได้

ไทย–เกาหลีใต้ เผชิญโจทย์เศรษฐกิจคล้ายกัน

รองนายกรัฐมนตรีชี้ว่า ทั้งสองประเทศเจอความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risks) และปัญหามาตรการภาษีตอบโต้ทางการค้า (Trade Remedies) จากประเทศคู่ค้า จึงต้องพึ่งพาตลาดภายในภูมิภาคมากขึ้น พร้อมเสริมความสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ร่วมกัน

เกาหลีใต้มีมาตรการรองรับความผันผวนของการส่งออก ขณะที่ไทยใช้นโยบาย “คนละครึ่งพลัส” เพื่อลดค่าครองชีพ และยังช่วยยกระดับทักษะดิจิทัลให้ประชาชนผ่านการเทรน อัปสกิล–รีสกิล เพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจยุคใหม่

เอกนิติ กล่าวว่า SMEs มากกว่า 80–90% ของไทยยังขาดสภาพคล่อง และต้องการการเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การร่วมมือไทย–เกาหลีจะช่วยให้ซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมใหม่สามารถ “หยั่งรากลงไปถึง SMEs” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย

ทั้งไทย และเกาหลี มีปัญหาหนี้ครัวเรือนลักษณะใกล้เคียงกัน

ทั้งสองประเทศเผชิญความท้าทายเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อดิจิทัลที่ง่ายขึ้น ทำให้ประชาชนเป็นหนี้เร็วขึ้น ไทยกำลังแก้ผ่านการผลักดัน AMC แก้หนี้, การเข้าถึงสินเชื่อในระบบ และการส่งเสริมการออม–ลงทุนเพื่ออนาคต ขณะที่เกาหลีใต้ก็ดำเนินมาตรการด้านวินัยการเงินในลักษณะคล้ายกัน

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศมีแนวนโยบายการคลังใกล้เคียงกัน ผ่านวิกฤติคล้ายกัน เช่น วิกฤติการเงินเอเชีย 2540 (ไทย) และ “กิมจิ ไครซิส” (เกาหลี) โดยเกาหลีใต้ฟื้นตัวได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ไทยต้องศึกษา

ไทย และเกาหลีใต้ ต่างใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น

• กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds)

• การร่วมลงทุนแบบ PPP

• โครงสร้างลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนเข้าสู่อุตสาหกรรมอนาคต

ทั้งหมดสะท้อนยุทธศาสตร์การคลังที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก

ทัศนะตัวแทนเกาหลีใต้: เดินหน้า CEPA–ดิจิทัล–อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

ต่อจากนั้น นายอี แฮกยัง (Lee Hack Young) รองประธานสภาแห่งชาติเกาหลีใต้ (Deputy Speaker of the National Assembly) กล่าวว่า เกาหลีใต้ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือทวิภาคีอย่างยิ่ง และการหารือระหว่างสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา “มีพัฒนาการที่ก้าวหน้าอย่างชัดเจน”

นายอี ระบุว่า ไทย และเกาหลีใต้เป็น “แกนนำสำคัญของภูมิภาค” ที่สามารถผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้เกิดผลจริงจัง โดยเฉพาะความตกลง CEPA– Comprehensive Economic Partnership Agreement ที่คาดว่าจะเป็นความร่วมมือเศรษฐกิจยุคใหม่ ครอบคลุมสินค้า บริการ การลงทุน ดิจิทัลคอมเมิร์ซ และครีเอทีฟอินดัสทรี ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจทั้งสองประเทศยืนบนเวทีโลกได้อย่างมั่นคง

รองประธานอีย้ำว่า ไทย และเกาหลีต้องเดินหน้าสร้างความร่วมมือโดยมี “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ทั้งด้านวัฒนธรรม ดิจิทัล และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ภูมิภาค และสร้างโอกาสใหม่แก่คนรุ่นต่อไป

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์