ทรัมป์มองกรณีไทย-กัมพูชา เชื่อ ‘ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี’ หลังกัมพูชา ‘ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง’

จากกรณี ‘กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง’ ด้วยการ ‘วางกับระเบิดเพิ่มเติม’ ในพื้นที่ของไทย ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศ ‘จะสามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยดี’
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้เอ่ยถึงกรณีความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา เมื่อวันศุกร์ว่า (14 พ.ย.)
“ไทยและกัมพูชา จะสามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยดี”
หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยความตึงเครียดรอบล่าสุดระหว่างสองชาติ
ในสัปดาห์นี้ไทยได้ “ระงับข้อตกลงหยุดยิง” ที่สหรัฐเป็นผู้ไกล่เกลี่ย และเรียกร้องให้กัมพูชาขอโทษต่อกรณี “กัมพูชาวางทุ่นระเบิดเพิ่มเติม” ซึ่งทางกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทั้งนี้ ความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมายาวนานบริเวณพรมแดนพิพาทระหว่างสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปะทุขึ้นกลายเป็น “การสู้รบยาวนาน 5 วัน” ในเดือนกรกฎาคม จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 48 ราย และมีประชาชนราว 300,000 คนต้องอพยพลี้ภัยชั่วคราว ก่อนที่ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย จะช่วยไกล่เกลี่ยจนเกิดการหยุดยิงขึ้น
“ผมได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศแล้ว และทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ดี ผมคิดว่าพวกเขาจะจัดการได้เรียบร้อย” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเย็นวันศุกร์
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ GB News ของสหราชอาณาจักรเมื่อวันศุกร์ เขากล่าวถึงความขัดแย้งทั่วโลก และพูดว่า “ผมคิดว่าผมได้ยุติเรื่องหนึ่งไปแล้ววันนี้” โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ใน "สรุปผลการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานาธิบดีสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย" จากกระทรวงการต่างประเทศไทย ได้เผยรายละเอียดดังนี้
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมรับฟังการสนทนาด้วย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สอบถามถึงสถานการณ์ล่าสุดระหว่างไทยกับกัมพูชา นายกรัฐมนตรีจึงได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า ทั้งสองฝ่ายพึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้เห็นชอบร่วมกันเพื่อนำไปสู่สันติภาพได้
อย่างไรก็ดี ไทยมีความเสียใจที่กัมพูชาเป็น "ฝ่ายละเมิดข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายก่อน" โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องทุ่นระเบิด ที่เป็นข้อตกลงสำคัญที่ระบุในปฏิญญาที่มาเลเซีย ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาเห็นชอบที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างตามแนวชายแดนรวมถึงการไม่ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฝ่ายกัมพูชายังบ่ายเบี่ยงข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
ขณะที่ตนได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง สามารถยืนยันได้ว่ามี การลักลอบติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ ส่งผลให้ทหารไทยที่ทำการลาดตระเวนตามปกติ "ได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียขา"
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เชิญคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สอบถามถึงความคาดหวังของไทยที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า "ไทยยึดมั่นในสันติภาพ" แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ต้องยอมรับข้อเท็จจริงและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รวมถึงมีมาตรการป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องเปิดพื้นที่จำนวน 13 แห่งที่เคยหารือกันไว้แล้ว ให้ฝ่ายไทยได้เริ่มดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดโดยไม่ขัดขวางปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนทั้งสองฝ่าย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับฟังอย่างเข้าใจ และรับที่จะไปช่วยพูดคุยกับกัมพูชาในเรื่องนี้ให้ และย้ำว่าทั้งสหรัฐฯ และมาเลเซียพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเดินหน้าในกระบวนการสันติภาพได้ ทั้งนี้ โดยมิได้ประสงค์ที่จะแทรกแซงการแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของกัมพูชา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไทยมุ่งมั่นในแนวทางสู่สันติภาพ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันแบบนี้ก็จำเป็นต้องสงวนสิทธิที่จะดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย
ภายหลังการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรียังได้โทรศัพท์หารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อประสานข้อมูลที่ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งนายอันวาร์ฯ ได้แสดงความเข้าใจ และว่าตนเองก็ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยและต่อการสอบถามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนมีแผนการที่จะดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง ซึ่งนายอันวาร์ฯ รับที่จะไปช่วยหาแนวทางที่จะให้กระบวนการสันติภาพได้เดินหน้าต่อไป โดยคำนึงถึงข้อเสนอของฝ่ายไทย
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อนายอันวาร์ฯ ว่า ตนได้ตอกย้ำกับสหรัฐฯ ด้วยว่า "การเก็บกู้ทุ่นระเบิด" เป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลงที่ปรากฏในปฏิญญาฯ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายอันวาร์ฯ ได้โทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์และแสดงความเข้าใจต่อท่าทีของไทยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ชี้แจ้งว่า ฝ่ายมาเลเซียกำลังพิจารณานำข้อมูลต่าง ๆ ไปช่วยหาแนวทางเพื่อจะได้เดินหน้าต่อไป
อ้างอิง: reuters







