‘อย่าไปเที่ยวญี่ปุ่น!’ จีนเตือนพลเมืองตน หลังขัดแย้งกันกรณีไต้หวัน

‘อย่าไปเที่ยวญี่ปุ่น!’ จีนเตือนพลเมืองตน หลังขัดแย้งกันกรณีไต้หวัน

แม้ญี่ปุ่นครองอันดับ 1 จุดหมายท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวจีน แต่ความสัมพันธ์ปักกิ่ง–โตเกียวกลับร้าวลึกอย่างฉับพลัน หลังนายกฯทาคาอิจิประกาศอาจใช้กำลังทหาร หากจีนโจมตีไต้หวัน จีนจึงตอบโต้ทันที เตือนพลเมืองให้ ‘หลีกเลี่ยงไปญี่ปุ่น

“ญี่ปุ่น” ถือเป็นประเทศยอดฮิตของชาวจีน โดยครอง “อันดับ 1” จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงหยุดยาววันชาติจีนที่ผ่านมา หลังจากที่ “ไทย” เกิดกรณีอื้อฉาวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไทยถูกใช้เป็นทางผ่านสู่กัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า จีนออกคำเตือนให้พลเมืองของตน “หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น” นับเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ภายหลังคำกล่าวของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เกี่ยวกับกรณี “ไต้หวัน”

สถานทูตจีนประจำญี่ปุ่นระบุในประกาศว่า “ผู้นำญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ที่ ‘ยั่วยุ’ อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน” พร้อมเตือนว่า “บรรยากาศการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนระหว่างญี่ปุ่นและจีนเสื่อมถอยลงอย่างมาก ส่งผลให้ความปลอดภัยของชาวจีน ตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรง”

เอกสารถูกเผยแพร่ พร้อมเรียกร้องให้ชาวจีนที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มความระมัดระวัง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นายกทาคาอิจิได้กล่าวในรัฐสภาว่า ถ้าจีนเปิดฉากโจมตีไต้หวันทางการทหาร และใช้กำลังกับกองทัพสหรัฐที่เข้าไปช่วยป้องกันไต้หวัน ญี่ปุ่นอาจถือว่าสถานการณ์นั้นเป็น “ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของชาติ” 

และหากรัฐบาลญี่ปุ่นรับรองสถานการณ์ดังกล่าวว่าเข้าข่ายนี้ กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (SDF) จะสามารถ “ใช้กำลังทหารได้” แม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้ถูกโจมตีโดยตรงก็ตาม

หลังจากนั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซุน เหวี่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เรียกตัวเค็นจิ คานาสึงิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศจีน เข้าพบ พร้อมเรียกร้องให้นายกทาคาอิจิ “ถอนคำพูด” ที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง

ด้านเอกอัครราชทูตคานาสึงิยืนยันว่า สิ่งที่นายกทาคาอิจิกล่าว สอดคล้องกับจุดยืนที่รัฐบาลญี่ปุ่นยึดถืออยู่แล้ว และเสริมว่า ญี่ปุ่นไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปแทรกแซงประเด็นไต้หวัน

นี่เป็นครั้งแรกที่กระทรวงการต่างประเทศจีน เรียกทูตญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อตำหนิอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 กรณีการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิลงสู่ทะเล

แหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การประท้วงของซุนครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน และ “ดูจริงจังกว่าปกติ”

หลังคำกล่าวของทาคาอิจิเพียงหนึ่งวัน เสว เจียน กงสุลใหญ่จีนประจำโอซากา ได้โพสต์บน X ว่า

“เราจำเป็นต้องตัดคอที่สกปรกนั้นทิ้ง โดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว” แต่โพสต์ดังกล่าวถูกลบในภายหลัง

มิโนรุ คิฮาระ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ว่า “เราย้ำเตือนและร้องขออย่างหนักแน่นให้ฝ่ายจีนดำเนินมาตรการที่เหมาะสม” โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

พร้อมกันนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า หากญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงทางทหารในประเด็นไต้หวัน ญี่ปุ่นจะต้องเผชิญความพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนผู้เปี่ยมด้วยเจตจำนงเหล็ก และต้องชดใช้ด้วยราคาสูง

ตลอดปีนี้ รัฐบาลจีนได้ผลักดันประเด็น “ต่อต้านญี่ปุ่น” อย่างเข้มข้น เนื่องในวาระครบรอบ 80 ปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงการโปรโมตภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามจีน-ญี่ปุ่น

ไม่เพียงเท่านั้น การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แสดงความตั้งใจแน่วแน่ในการ “รวมชาติกับไต้หวัน” ก็ยิ่งผลักดันกระแสต่อต้านญี่ปุ่นให้เข้มข้นขึ้น

ย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทาคาอิจิได้พบกับหลิน ซิ่นอี้ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและผู้แทนรัฐสภาไต้หวัน จนทำให้จีนประท้วงขึ้น

ทาคาชิ ซูซูกิ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองจีน มหาวิทยาลัยไดโต บุนกะให้ความเห็นว่า “สี จิ้นผิงได้เตือนนายกรัฐมนตรีให้ระมัดระวังประเด็นไต้หวัน และประเด็นประวัติศาสตร์ การไปพบตัวแทนไต้หวัน อาจถูกมองว่าเป็นการไม่เคารพคำขอของสี”

นักวิชาการท่านนี้ยังเสริมว่า “ท่าทีที่รัฐบาลสหรัฐในยุคทรัมป์ กำลังลดการพัวพันกับประเด็นไต้หวัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปักกิ่งโจมตีญี่ปุ่นได้อย่างแข็งกร้าวมากขึ้น”

อ้างอิง: nikkei