'รูบิโอ' โต้พันธมิตร วิจารณ์โจมตีเรือขนยา ลั่น 'ยุโรปไม่ต้องมาออกคำสั่ง'

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เข้าร่วมงานประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G7) ในภูมิภาคไนแองการาของแคนาดา ซึ่งเป็นที่ประชุมที่เน้นหารือเรื่องสงครามในยูเครนและกาซา แต่บางประเทศกลับหยิบยกเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการการโจมตีเรือในแคริบเบียนที่สหรัฐบอกว่าเป็นเรือบรรทุกยาเสพติด

ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวในการเริ่มประชุมเมื่อวันอังคาร (11 พ.ย.) ว่า การโจมตี (เรือในแคริบเบียน) ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลต่อเขตแดนของฝรั่งเศสในภูมิภาคดังกล่าว

ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐ ได้ปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในแคริบเบียน และนอกชายฝั่งแปซิฟิกของลาตินอเมริกาอย่างน้อย 19 ครั้ง สังหารผู้คนไปอย่างน้อย76 คน

ด้านรูบิโอ ก่อนเดินทางออกจากแคนาดาโต้คำวิจารณ์ว่า ไม่มีใครพูดเรื่องปฏิบัติการดังกล่าวกับเขาในระหว่างการประชุม G7 แต่เขาได้กล่าวปกป้องปฏิบัติการโจมตีก่อการร้ายค้ายา และบอกว่า ยาเสพติดขนส่งผ่านเวเนซุเอลาไปยังยุโรป ดังนั้น สหรัฐควรได้รับคำขอบคุณที่กำจัดคนเหล่านั้นให้

“ผมไม่คิดว่าสหภาพยุโรปมีสิทธิ์มากำหนดว่ากฎหมายระหว่างประเทศคืออะไร แน่นอนพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์มากำหนดว่าสหรัฐต้องปกป้องความมั่นคงของชาติอย่างไร”

ด้านคาจา คัลลาส ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวกับรอยเตอร์นอกรอบการประชุมว่า การโจมตีดังกล่าวสามารถใช้เหตุผลได้ว่าเป็นการปกป้องตนเอง หรือเป็นไปตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเท่านั้น

เมื่อถามถึงรายงานที่ว่าสหราชอาณาจักรได้ระงับการแบ่งปันข่าวกรองเรื่องการค้ายาเสพติด เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว รูบิโอบอกว่านั่นเป็นเรื่องไม่จริง และว่า สหรัฐมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับอังกฤษ

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเกิดขึ้นเพื่อขัดขวางความสามารถของเราในการทำสิ่งที่เรากำลังทำอยู่และเราไม่ได้ขอให้ใครมาช่วยในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ด้วย” รูบิโอกล่าว

รัฐบาลทรัมป์ ยืนกรานว่าเป้าหมายของการโจมตีเป็นกลุ่มคนขนส่งยาเสพติด แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานหรืออธิบายต่อสาธารณะถึงเหตุผลทางกฎหมายที่สนับสนุนการตัดสินใจโจมตีเรือเหล่านั้น แทนที่จะหยุดเรือและจับกุมคนที่อยู่ในเรือ

ทั้งนี้ รอยเตอร์สระบุว่า รัฐมนตรีในกลุ่ม G7 ระบุในแถลงการณ์ว่า พวกเขายืนยันที่จะมุ่งมั่นร่วมกัน “เสริมสร้างความร่วมมือรักษาท่าเรือและเส้นทางเดินเรือ เพื่อต่อต้านการค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย” แต่ไม่ได้กล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐที่เข้มข้นขึ้นในน่านน้ำนอกชายฝั่งลาตินอเมริกาโดยเฉพาะ