ทรัมป์กลับลำ! ‘ปกป้องวีซ่า H-1B’ ยอมรับ สหรัฐต้องพึ่งแรงงานต่างชาติ

หลังจากเคยยืนกรานนโยบาย ‘Hire American’ โจมตีวีซ่า H-1B ว่า ถูกใช้ ‘แทนที่แรงงานในประเทศ’ ล่าสุด ปธน.ทรัมป์ กลับลำ ประกาศปกป้องวีซ่า H-1B และยอมรับว่าสหรัฐยังจำเป็นต้องพึ่งแรงงานฝีมือจากต่างประเทศ
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ มีท่าที “เข้มงวดด้านคนเข้าเมือง” ชัดเจน โดยเฉพาะการจำกัดแรงงานต่างชาติภายใต้นโยบาย “Hire American” ซึ่งมุ่งให้บริษัทในสหรัฐจ้างคนอเมริกันก่อน และเขาก็เคยโจมตีระบบวีซ่า H-1B ว่า ถูกใช้ “แทนที่แรงงานในประเทศ”
แต่ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือน “กลับลำ” ประกาศ “ปกป้องวีซ่า H-1B” พร้อมย้ำว่า สหรัฐจำเป็นต้องมีแรงงานฝีมือจากต่างประเทศ แม้ว่ารัฐบาลของเขาจะออกมาตรการที่ทำให้ภาคธุรกิจได้แรงงานจากระบบวีซ่านี้ยากขึ้นก็ตาม
ในการให้สัมภาษณ์กับช่อง Fox News ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอังคาร ทรัมป์ถูกผู้ดำเนินรายการลอรา อินเกรแฮม ถามถึงเรื่องวีซ่า H-1B สำหรับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะ และถามว่ารัฐบาลของเขาจะลดความสำคัญของโครงการนี้หรือไม่ โดยอินเกรแฮมแย้งว่า การให้วีซ่าดังกล่าว อาจทำให้ทรัมป์บรรลุเป้าหมายในการ “ขึ้นค่าแรงให้แรงงานอเมริกัน” ได้ยากขึ้น
ทรัมป์ตอบกลับว่า “คุณก็ต้องนำคนมีความสามารถเข้ามาด้วยอยู่ดี”
เมื่ออินเกรแฮมกล่าวว่า สหรัฐ “มีคนเก่งอยู่มากพอแล้ว”
ทรัมป์ตอบทันทีว่า “ไม่ใช่”
“คุณไม่มีคนที่มีทักษะบางอย่าง และคุณต้องให้พวกเขาเรียนรู้ คุณไม่สามารถเอาคนจากแถวรอรับสวัสดิการว่างงานมา แล้วบอกว่า ‘ฉันจะให้คุณไปอยู่ในโรงงาน เราจะผลิตขีปนาวุธกัน’ แบบนั้นไม่ได้” ทรัมป์กล่าว
ถ้อยแถลงของทรัมป์ซึ่งยืนยันว่า ประเทศยังจำเป็นต้องมีแรงงานต่างชาติฝีมือดี มีขึ้นหลังจากรัฐบาลของเขาเพิ่งประกาศเรียกเก็บ “ค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า H-1B” มูลค่า 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท เมื่อต้นปี ซึ่งวีซ่าดังกล่าวเป็นที่นิยมในหมู่บริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ใช้เพื่อดึงผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาทำงาน
นโยบายดังกล่าวได้จุดชนวนให้หอการค้าสหรัฐ ยื่นฟ้องร้องรัฐบาล โดยสะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างภาคธุรกิจอเมริกัน กับมาตรการปราบปรามการอพยพของทรัมป์
ในสมัยที่สองของเขา ทรัมป์ได้เร่งการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารให้เข้มข้นขึ้น รวมถึงการส่งทหารไปประจำการในเมืองใหญ่ต่าง ๆ เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ปฏิบัติการเหล่านี้สร้างความกังวลว่า อาจส่งผลกระทบต่อ “กำลังแรงงาน” ที่ภาคธุรกิจต้องพึ่งพา
ในเหตุการณ์บุกตรวจโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai Motor และ LG Energy Solution ในรัฐจอร์เจียเมื่อเดือนกันยายน มีแรงงานชาวเกาหลีใต้ถูกจับกุมกว่า 300 คน จากข้อกล่าวหาว่าอยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย จนสร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ
ทรัมป์อ้างถึงเหตุการณ์นี้ในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News โดยกล่าวว่า “ที่จอร์เจีย พวกเขาบุกเพราะต้องการจัดการกับผู้อพยพผิดกฎหมาย แต่คนที่ถูกจับนั้นมาจากเกาหลีใต้ เป็นคนที่ทำงานผลิตแบตเตอรี่มาทั้งชีวิต คุณรู้ไหม การผลิตแบตเตอรี่เป็นเรื่อง ‘ซับซ้อนมาก’ ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังอันตราย มีการระเบิดและปัญหาเกิดขึ้นมากมาย”
ทรัมป์กล่าวต่อว่า “คุณจะมาบอกว่า ประเทศหนึ่งกำลังจะลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน แล้วจะเอาคนที่ตกงานมา 5 ปีมาเข้าทำงานผลิตขีปนาวุธเลย มันทำแบบนั้นไม่ได้”
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกมาสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ว่า สหรัฐยังคงยินดีต้อนรับการลงทุนจากเกาหลีใต้เช่นเดิม
อ้างอิง: bloomberg







