ยอดขายรถอีวีทั่วโลกโตแรง 23% แต่ตลาดใหญ่สุดอย่าง ‘จีน’ กำลังสะดุด

ยอดขายรถอีวีทั่วโลกโตแรง 23%  แต่ตลาดใหญ่สุดอย่าง ‘จีน’ กำลังสะดุด

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกขยายตัวแรง 23% แตะ 1.9 ล้านคันในเดือนต.ค. ดีมานด์แข็งแกร่งในตลาดหลักๆ นำโดยยุโรป ขณะที่ตลาดรถยนต์(โดยรวม)ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง 'จีน' เผชิญยอดขาย "หดตัวลง" เป็นครั้งแรกในรอบปี

บริษัทวิจัยตลาด Rho Motion รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทั้งรูปแบบแบตเตอรี่ไฟฟ้าล้วน (BEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 23% ในเดือนต.ค. แตะระดับ 1.9 ล้านคัน จากแรงซื้อในตลาดหลักๆ โดยเฉพาะ "ยุโรป" ที่เติบโตสูงสุดจากดีมานด์ในเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร

ส่วน "จีน" ซึ่งในภาพรวมเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ยังคงเป็นแชมป์ตลาดรถยนต์อีวีเบอร์ 1 โดยมียอดขายคิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดทั่วโลก โดยความแตกต่างด้านราคาที่แคบลงระหว่างอีวีกับรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป ทำให้รถอีวีเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

“ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนใกล้เคียงกับรถน้ำมัน มากกว่าในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ” ชาร์ลส์ เลสเตอร์ ผู้จัดการข้อมูลของ Rho Motion กล่าวพร้อมระบุว่า ยอดขายในยุโรปปีนี้คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง และปลายปีจะมียอดขายพุ่งอีกระลอกจากการเร่งซื้อก่อนสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ภาษี                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                    

ทั้งนี้ข้อมูลในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ตลาดจีนมียอดขาย 1.3 ล้านคัน (แต่ไม่มีการเปิดเผยอัตราการเติบโต) ในขณะที่ยุโรปเพิ่มขึ้น 36% เป็น 372,786 คัน ส่วนตลาดอเมริกาเหนือกลับลดลง 41% เหลือ 100,370 คัน หลังโครงการเครดิตคืนภาษี 7,500 ดอลลาร์หมดอายุ

ตลาดรถยนต์จีนหดตัวครั้งแรกในรอบ 9 เดือน

แม้ยอดขายรถอีวีจะหนุนภาพรวมตลาดโลก แต่ตลาดรถยนต์จีนโดยรวมทั้งรถอีวีและรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน กลับ "หดตัวลง" เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจีน (CPCA) ระบุว่า ยอดขายเดือนต.ค. อยู่ที่ 2.27 ล้านคัน ลดลง 0.8% จากปีก่อนหน้า หลังจากขยายตัวต่อเนื่องมา 8 เดือน

ทั้งนี้หากไม่นับรวมเดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ยอดขายลดลงตามฤดูกาลอยู่แล้วจากเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ยอดขายล่าสุดในเดือนต.ค. จะเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 14 เดือน นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2567 เป็นต้นมา

ยอดขายรถพลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมทั้งรถไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด ชะลอตัวลงโดยขยายตัวเพียง 7.3% จากที่โตได้ 15.5% ในเดือนก.ย. และยังต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตได้ 17%

ปัจจัยสำคัญมาจาก "การทยอยยุติโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่" ของรัฐบาลท้องถิ่น ที่ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อภาวะอุปสงค์ชะลอตัวในตลาดจีน หลายมณฑล และมหานครใหญ่ของจีน ซึ่งรวมถึงเซี่ยงไฮ้ ได้ทยอยยุติโครงการอุดหนุนแลกซื้อรถใหม่ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในปีนี้ โดยผู้บริโภคจะได้รับเงินอุดหนุนเป็นหลักพันหยวนเมื่อเปลี่ยนรถเก่าเป็นคันใหม่ ซึ่งตลอดทั้งปีนี้จนถึงวันที่ 22 ต.ค.68 มีการยื่นคำขอแลกซื้อรถใหม่ไปแล้วมากกว่า 10 ล้านรายการ ตามข้อมูลจากทางการจีน

นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนยังต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว ทั้ง "การผลิตส่วนเกิน" (overcapacity) และ "สงครามราคา" ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและบีบกำไรของผู้ผลิตรถยนต์

อย่างไรก็ดี "ยอดส่งออกรถยนต์จีน" ยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 27.7% จากปีก่อนหน้า และสูงกว่าอัตรา 20.7% ในเดือนก.ย. สะท้อนว่าผู้ผลิตจีนยังคงเร่งหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ ท่ามกลางดีมานด์ในประเทศที่เริ่มชะลอตัว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์