จีนจวกสหรัฐ ‘โจรปล้นโจร’ ขโมยบิตคอยน์ 4 แสนล้าน จากเหมืองของจีนเทา ‘เฉิน จื้อ’

จีนเปิดศึกไซเบอร์กับสหรัฐ กล่าวหาวอชิงตัน ‘อยู่เบื้องหลัง’ ใช้แฮคเกอร์ขโมยบิตคอยน์ 4 แสนล้านบาท จากเหมืองจีน ‘LuBian’ ซึ่งพัวพันนักธุรกิจเทากัมพูชาอย่าง ‘เฉิน จื้อ’ เมื่อปี 2020 พร้อมระบุว่า นี่คือ ปฏิบัติการ ‘โจรปล้นโจร’ ’ ที่ถูกวางแผนโดยองค์กรแฮ็กระดับรัฐอย่างสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กและโกลบอลไทม์ส รายงานอ้างหน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของจีนที่กล่าวหาว่า รัฐบาลสหรัฐ “อยู่เบื้องหลังการขโมยบิตคอยน์” 127,272 เหรียญ มูลค่าราว 13,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4 แสนล้านบาท) จาก “เหมืองบิตคอยน์ LuBian” ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจเทา “เฉิน จื้อ” และถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์โจรกรรมคริปโต “ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์”
ศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉินไวรัสคอมพิวเตอร์แห่งชาติของจีน (Chinese National Computer Virus Emergency Response Center) ระบุว่า การแฮ็กครั้งนี้น่าจะเป็น “ปฏิบัติการระดับรัฐ” ที่มีสหรัฐ เป็นผู้นำ โดยอ้างว่าพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ที่ถูกขโมย มีความเงียบและล่าช้าอย่างผิดปกติ สอดคล้องกับลักษณะการดำเนินการของหน่วยงานรัฐ มากกว่าการกระทำของอาชญากรทั่วไป
สิ่งที่ผิดปกติคือ บิตคอยน์ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเงินของแฮ็กเกอร์ “โดยไม่ถูกแตะต้องเป็นเวลานานเกือบ 4 ปี” ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมทั่วไปของอาชญากรที่มักรีบขายหรือเคลื่อนย้ายเหรียญอย่างรวดเร็ว ลักษณะนี้จึงถูกมองว่าเป็น “ปฏิบัติการแบบรัฐ”
กระทั่งในเดือน มิถุนายน 2024 เหรียญที่ถูกขโมยจึงถูกย้ายไปยังกระเป๋าใหม่ และยังไม่ถูกเคลื่อนไหวอีกเลย
ต่อมาในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ “เฉิน จื้อ” ประธานกลุ่มบริษัท Prince Group ของกัมพูชา และอ้างว่ายึดบิตคอยน์จำนวน 127,000 เหรียญซึ่งทางการสหรัฐระบุว่า มีความเกี่ยวข้องกับ “เฉิน จื้อ”
สหรัฐได้ตั้งข้อหาเฉินเมื่อเดือนตุลาคม ในคดีสมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสารและฟอกเงิน แต่รัฐบาลสหรัฐ “ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่า ยึดบิตคอยน์ดังกล่าวมาเมื่อไรหรือด้วยวิธีใด”
รายงานระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐอาจใช้เทคนิคการแฮ็กตั้งแต่ปี 2020 เพื่อขโมยบิตคอยน์จำนวน 127,000 เหรียญที่ถือครองโดยเฉิน จื้อ” พร้อมระบุว่านี่คือ “ปฏิบัติการ ‘โจรปล้นโจร’ แบบคลาสสิก ที่ถูกวางแผนโดยองค์กรแฮ็กระดับรัฐ”
ขณะที่อัยการรัฐบาลกลางสหรัฐที่รับผิดชอบคดีของเฉิน ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า รัฐบาลครอบครองบิตคอยน์เหล่านั้นมาได้อย่างไร หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยื่นฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อยึดบิตคอยน์จำนวน 127,271 เหรียญ ซึ่งเป็นการยึดทรัพย์สินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
นอกจากเรื่องแฮ็คบิตคอนต์แล้ว เมื่อต้นปีนี้ จีนยังระบุว่าสหรัฐได้ใช้ช่องโหว่ในระบบ Microsoft Exchange Server เพื่อโจมตีบริษัทจีน
ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลจีนยังอ้างว่ามี “หลักฐานที่ไม่อาจโต้แย้งได้” เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ของสหรัฐต่อศูนย์เวลามาตรฐานแห่งชาติของจีน
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาของจีนมักมีลักษณะทั่วไปและ “ขาดรายละเอียดเชิงเทคนิคทางนิติวิทยาศาสตร์”
สหรัฐมีแผนใช้ทรัพย์สินที่ยึดได้ ตั้ง ‘กองทุนสำรองบิตคอยน์’
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อจัดตั้ง “กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์” โดยเดวิด แซกส์ ที่ปรึกษาด้านคริปโตของทำเนียบขาว เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า กองทุนนี้จะมีบิตคอยน์ราว 200,000 เหรียญ ซึ่งมาจากบิตคอยน์ที่รัฐบาลกลาง “ยึดไว้จากคดีอาญาและการริบทรัพย์สินทางแพ่ง”
แซกส์ระบุว่า รัฐบาลตั้งเป้า บริหารจัดการและเพิ่มมูลค่าบิตคอยน์ในกองทุนนี้ให้ได้มากที่สุด แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของแผนการดังกล่าว
อ้างอิง: bloomberg, globaltimes, bangkok







