ซอฟต์แบงก์ ‘ขาย Nvidia เกลี้ยง’ กวาดเงิน ‘เกือบสองแสนล้านบาท’

ซอฟต์แบงก์ ‘ขาย Nvidia เกลี้ยง’ กวาดเงิน ‘เกือบสองแสนล้านบาท’

ซอฟต์แบงก์ ‘เทขายหุ้น Nvidia ทั้งหมด’ กวาดเงินเกือบสองแสนล้านบาท ขณะนักวิเคราะห์เตือน มูลค่าหุ้นที่พุ่งแรงของซอฟต์แบงก์ อาจถึงจุดเหมาะ ‘ขายทำกำไร’ หลังส่วนต่างราคาถูกหดหาย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มบริษัทด้านการลงทุนซอฟต์แบงก์ (SoftBank Group) ได้ “เทขายหุ้นทั้งหมด” ที่ถืออยู่ในบริษัทชิปปัญญาประดิษฐ์ Nvidia รวมมูลค่า 5,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 แสนล้านบาทอย่างน่าประหลาดใจ 

ก่อนหน้านั้น ซอฟต์แบงก์เคยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Nvidia จนมีมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การถือหุ้นดังกล่าว รวมถึงกำไรจากกองทุน Vision Fund ที่ลงทุนในสตาร์ตอัป ส่งผลให้ซอฟต์แบงก์มีกำไรสุทธิไตรมาสสองของปีงบประมาณล่าสุด สูงถึง 16,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5 แสนล้านบาท

ในปัจจุบัน ซอฟต์แบงก์มีพอร์ตการลงทุนทั้งใน OpenAI และ Oracle ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรในเชิงบัญชีของซอฟต์แบงก์ และหนุนให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 78% ในช่วงสามเดือนสิ้นสุดเดือนกันยายน โดยถือเป็นการปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2005

ด้วยจำนวนโครงการลงทุนที่ซอฟต์แบงก์สามารถ “ถอนทุนคืนได้สำเร็จ” เพิ่มขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปอย่างเคอิจิ โยเนะชิมะ เขียนในบันทึกก่อนการประกาศผลประกอบการว่า “เราจึงปรับเพิ่มประมาณการ” โดยเขาตั้งราคาเป้าหมายของหุ้นซอฟต์แบงก์ไว้ที่ 27,100 เยน โดยอิงการคำนวณกับมูลค่าของบริษัท OpenAI และสมมติช่วงมูลค่าในอนาคตของผู้ให้บริการ ChatGPT อยู่ระหว่าง 500,000 ล้านดอลลาร์ ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ มาซาโยชิ ซัน เจ้าของ Softbank วัย 68 ปี กำลังเดินหน้าฉวยโอกาสจากกระแสการลงทุนอย่างร้อนแรงในเทคโนโลยี AI และชิป แม้จะลดการลงทุนในด้านอื่นลงก็ตาม โดยเขาได้ผลักดันให้เกิดโครงการต่าง ๆ เช่น การขยายศูนย์ข้อมูล Stargate และแผนการลงทุนมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ใน OpenAI

ซันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อเข้าร่วมโครงการจัดตั้ง “ศูนย์การผลิต AI มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์” ในรัฐแอริโซนา 

ขณะเดียวกัน ซอฟต์แบงก์ยังเคยพิจารณาเข้าซื้อกิจการของบริษัทผลิตชิปสัญชาติสหรัฐอย่าง Marvell Technology เมื่อต้นปีนี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของซอฟต์แบงก์ต่อจากนี้คือ การบริหารสมดุลทางการเงินสำหรับการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึงเงินราว 20,000 ล้านดอลลาร์ที่เตรียมไว้สำหรับ OpenAI และอีก 6.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับการเข้าซื้อกิจการบริษัทออกแบบชิป Ampere Computing LLC ที่วางแผนไว้ 

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับ “มูลค่าประเมินที่สูงเกินจริง” ของบริษัทด้าน AI รวมถึงการใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล และคำถามว่า สุดท้ายแล้ว “ใครจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จริง” จากศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังถูกสร้างขึ้นทั่วโลก

บันทึกวิจัยของ Finimize Research ซึ่งเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Smartkarma ก่อนการประกาศผลประกอบการ ระบุว่า “กลยุทธ์การเทรดง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ คือ การซื้อหุ้นซอฟต์แบงก์ในราคาถูก เพื่อเข้าถึงหุ้น Arm และพอร์ต AI–เทคโนโลยีในวงกว้าง ซึ่งแนวคิดนั้นได้ผลเกินคาด ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่าสองเท่า แซงหน้าอัตราเพิ่มขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) อย่างมาก”

“แต่ตอนนี้ ส่วนต่างราคาถูก แทบจะหายไปแล้ว ทำให้ซอฟต์แบงก์ไม่ใช่ ‘ทางลัดราคาถูก’ อีกต่อไป ดังนั้น หากมองในแง่นี้ เวลานี้อาจเหมาะที่จะ ‘ขายและทำกำไร’ ออกมา” รายงานระบุ

อ้างอิง: bloomberg