'ติมอร์-เลสเต' เดิมพันครั้งใหญ่ เข้าอาเซียน 'ทางรอด' ก่อนเผชิญ 'วิกฤติการคลัง'

'ติมอร์-เลสเต' น้องใหม่อาเซียน ประเทศที่มีรายได้จากน้ำมัน ที่กำลังจะหมดลง
การเป็นสมาชิกอาเซียน อาจเป็นการหาทางรอดก่อนเกิด 'วิกฤติการคลัง'
ในวันที่ 26 ต.ค. “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศว่า “ติมอร์เลสเต” จะกลายเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ “อาเซียน” จากการลงนามในปฏิญญาโดยตัวแทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 10 ประเทศ เกิดขึ้น ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่ผ่านมา
"ซานานา กุสเมา" ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี แห่งติมอร์-เลสเต ได้กล่าวด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง วันนี้คือการสร้างประวัติศาสตร์ สำหรับชาวติมอร์-เลสเต นี่ไม่ใช่แค่ความฝันที่เป็นจริงเท่านั้น แต่ยังเป็นการ ตอกย้ำถึงการเดินทาง ของประเทศเรา ที่เต็มไปด้วยความ อดทน ความมุ่งมั่น และความหวัง
ติมอร์-เลสเต ได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2002 ถือว่าเป็นประเทศที่อายุ 23 ปีน้อยที่สุดในเอเชีย มีพื้นที่เทียบเท่ากับจังหวัด ”อุบลราชธานี” ของไทย และมีประชากรประมาณ 1.4 ล้านคน
โมเดล ‘เศรษฐกิจ’ พึ่งพาน้ำมันที่กำลังจะหมด
เศรษฐกิจติมอร์-เลสเตกำลังส่งสัญญาณบวกด้วยอัตราการเติบโตที่สูงถึง 4.1 % ในปี 2024 ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบหลายปี โดย GDP ของประเทศอยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ติมอร์-เลสเตเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กที่สุดในอาเซียน
แม้จะมีความก้าวหน้า แต่ติมอร์-เลสเตยังคงเป็นประเทศที่ยากจน และที่น่าชกังวลคือ ติมอร์-เลสเตมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากน้ำมันและก๊าซ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90%ของ GDP ของประเทศ ในปีที่ผ่านมา แต่ว่าแหล่งน้ำมันและก๊าซที่มีอยู่กำลังจะหมดลง เพราะการผลิตน้ำมันที่แหล่ง บายู-อุนดัน (Bayu-Undan) ในทะเลติมอร์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเพียงแห่งเดียวของประเทศได้ประกาศจะยุติการผลิตไปแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
รวมทั้ง โครงการใหญ่ต่อไปคือ เกรทเทอร์ ซันไรส์ (Greater Sunrise) แหล่งน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ในทะเลติมอร์ ตั้งอยู่ระหว่างติมอร์-เลสเตและออสเตรเลีย กลับกลายเป็นประเด็นขัดแย้งกับออสเตรเลีย
IMF มองว่า หากกองทุนน้ำมันนี้หมดลง ติมอร์-เลสเตจะเผชิญกับ "ภาวะวิกฤตทางการคลัง" (Fiscal Crisis) จะนำไปสู่ความไม่มั่นคง ซึ่งอาจทำให้การนำเข้า อาหารและสิ่งจำเป็นพื้นฐาน หยุดชะงัก และกระทบต่อ บริการสาธารณะ เช่น บริการด้านสุขภาพ
นี่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ “ติมอ เลสเต้” วางแผนเพื่อเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน
‘ติมอร์ เลสเต้’ ได้อะไร จากการเป็นสมาชิก ‘อาเซียน’
การที่ติมอร์-เลสเต ต้องรานานถึง 14 ปี จนกว่าจะได้เป็นสมาชิกอาเซียน หลังยื่นขอเป็นสมาชิกอาเซียนตั้งแต่ปี 2011 เพราะประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิงคโปร์ ได้ตั้งคำถามและกังวลว่าประเทศที่อายุน้อยนี้ จะสามารถ แบกรับภาระ ของการเป็นสมาชิกอาเซียนได้หรือไม่ เพราะเศรษฐกิจยังพึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก ระบบราชการก็ยังไม่แข็งแรงนัก
การเป็นสมาชิกอาเซียนจำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก เช่น จัดประชุมหลายร้อยครั้ง กำหนด กฎเกณฑ์ทางการค้า และ บังคับใช้กฎระเบียบ ต่าง ๆ
การตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นแนวโน้มเชิงบวกก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นในปี 2022 ที่ประชุมผู้นำอาเซียน ณ กรุงพนมเปญ ได้ เห็นชอบ "ในหลักการ" ที่จะรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิก และให้ สถานะผู้สังเกตการณ์
หนึ่งปีต่อมา มีการจัดทำ roadmap to membership "แผนงานสู่การเป็นสมาชิก" โดยละเอียด
แผนงานนี้ระบุสิ่งที่รัฐบาล จำเป็นต้องสร้างขึ้นมาให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงใหม่ ๆ ขั้นตอนปฏิบัติงาน และแม้แต่ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดประชุม เพื่อที่จะก้าวไปสู่การเป็นสมาชิกเต็มตัว
จนถึงในตอนนี้ เจ้าหน้าที่มาเลเซียระบุว่าติมอร์-เลสเตบรรลุ เกณฑ์ความพร้อมสำคัญ 6 ข้อ จาก 7 ข้อ ที่กำหนดไว้ในแผนงานปี 2023 แล้ว โดยเกณฑ์ที่เหลืออยู่ คือ ความสามารถในการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
หากยังใช้การหมุนเวียนตามตัวอักษรแบบเดิม ติมอร์-เลสเตอาจได้เป็น ประธานอาเซียนเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะเป็น บททดสอบสุดท้าย ว่าการยอมรับครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้เป็น วิสัยทัศน์ที่เหมาะสม หรือ เร็วเกินไป
ต้องบอกว่าความเป็นอาเซียนช่วย เปิดประตูทางการทูต ทำให้ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมกับผู้นำจาก จีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย, สหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย, และประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีความสำคัญในภูมิภาค
รามอส-ฮอร์ตา มองว่าการเป็นสมาชิกอาเซียนจะนำมาซึ่งโอกาสสำคัญสำหรับประเทศ ทั้ง
- การค้าและการลงทุน
การเข้าถึงตลาดอาเซียนที่มีประชากรเกือบ 800 ล้านคน จะช่วยให้ติมอร์-เลสเตสามารถ ส่งออกสินค้า ได้ง่ายขึ้น
- การพัฒนาเศรษฐกิจ
การเป็นสมาชิก อาจจะช่วยดึงดูด การลงทุนและองค์ความรู้ จากต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรและช่วย สร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ก่อนที่เงินในกองทุนน้ำมันจะหมดลง
ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจาก Singapore Management University มองว่าสิ่งนี้คล้ายคลึงกับกลยุทธ์ของสิงคโปร์ที่ประเทศเล็กๆ ใช้ประโยชน์จากกลุ่มประเทศนี้เพื่อเพิ่มอิทธิพลของตน”
ในอีกมุมมองนึง การรับติมอร์-เลสเต เข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม อาเซียน อาจส่งผลให้เกิด ช่องว่างทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศสมาชิกกว้างขึ้น และทำให้เป้าหมายของการมีเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกันภายในกลุ่มทำได้ยากขึ้น เหตุผลหลักคือสถานะทางเศรษฐกิจของ ติมอร์-เลสเต จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มี "เศรษฐกิจพัฒนาน้อยที่สุด" ในเอเชียแปซิฟิก
- ทุนมนุษย์ต่ำ
คะแนนดัชนีทุนมนุษย์ (Human Capital Index) ของติมอร์-เลสเตอยู่ที่ 0.45 ซึ่ง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ที่ 0.59 อย่างมาก
- ความยากจนสูงมาก
48% ของประชากร ประสบปัญหาความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty) อัตรานี้ สูงกว่า ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอย่างชัดเจน
- การขาดแคลนแรงงานสูง
อัตราการขาดแคลนแรงงาน อยู่ที่เกือบ 50% ซึ่ง คิดเป็นเกือบ 2 เท่า ของค่าเฉลี่ยอาเซียนที่ 27%
สเตฟาเนีย ดีนา ผู้อำนวยการ ADB ประจำติมอร์-เลสเต มองว่า การเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนจะเป็นก้าวสำคัญที่เสริมสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการเปิดโอกาสใหม่ๆ ด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาภาคเอกชน
ADB เน้นย้ำว่า เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการบูรณาการระดับภูมิภาค ติมอร์-เลสเตจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ
- การลงทุนใน ทุนมนุษย์และโครงสร้างพื้นฐาน
- การปรับปรุง การระดมทรัพยากรภายในประเทศ
- ปฏิรูปการคลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตของการลงทุน
- การใช้ประโยชน์จากเงินทุนเพื่อการพัฒนาระยะยาว
อาเซียนได้ประโยชน์จากการรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกในหลายมิติ ทั้งด้านภาพลักษณ์ ภูมิรัฐศาสตร์ และการฟื้นฟูอุดมการณ์ของกลุ่ม
อย่างแรกคือการ เบี่ยงเบนความสนใจจากเมียนมา ชื่อเสียงของอาเซียนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการ ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตในเมียนมา ได้ นับตั้งแต่เมียนมาเกิดรัฐประหารปี 2564
การต้อนรับติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็น ประชาธิปไตยที่ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ และเป็นประเทศเดียวอาเซียนที่ผู้นำได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ , ทำให้อาเซียนมี เรื่องราวเชิงบวก เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและการฟื้นฟูประชาธิปไตย เพื่อสร้างความสมดุลให้กับปัญหาความไม่สงบ
และเรื่องของตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ ติมอร์-เลสเตมี ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่บน เส้นทางเดินเรือสำคัญ ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ภูมิภาคนี้กำลังเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันระหว่าง จีนกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงมหาอำนาจอื่น ๆ (อินเดีย, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย)
ดังนั้น การนำติมอร์-เลสเตเข้าสู่อาเซียนช่วย สร้างความมั่นใจว่าอิทธิพลในติมอ เลสเจ้ จะยังคงผูกติดอยู่กับภูมิภาค แทนที่จะถูกดึงดูดไปหาผู้อุปถัมภ์ภายนอกรายใดรายหนึ่ง
ทั้งหมดนี้คือก้าวสำคัญของ ติมอร์-เลสเต ในการเป็นสมาชิกอาเซียนจึงถือเป็นก้าวสำคัญที่จะ เป็นหนทางสู่การสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากทำได้สำเร็จ การรอคอย 14 ปีนี้ก็ถือว่า คุ้มค่ามากๆ สำหรับติมอร์-เลสเต







